คลังเตรียมขยายเวลาจ่ายเงินผู้มีรายได้น้อยที่รอตรวจเอกสาร/ตร.-กทม.พร้อมมือช่วงหยุดยาว/แกนนำจุดพลุแฟร์ประสานพบพนง.สอบสวน

22 ธันวาคม 2559, 09:05น.


+++ความคืบหน้าการจ่ายเงินผู้ลงทะเบียนโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ รายละ 1,500 บาท และ 3,000 บาท ขึ้นอยู่กับรายได้ต่อปี โดยธนาคารเฉพาะกิจ 3 แห่ง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า ธนาคารเฉพาะกิจทั้ง 3 แห่ง จ่ายเงินไปแล้วรวม 6.1 ล้านราย คิดเป็นวงเงิน 1.4 หมื่นล้านบาท จากจำนวนผู้ผ่านคุณสมบัติ 7 ล้านรายถือว่าจ่ายเงินไปแล้วร้อยละ 90 ส่วนที่เหลืออยู่ 8-9 แสนราย จะจ่ายเงินแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ธันวาคม ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ยังไม่มีบัญชีของธนาคาร ดังนั้นอยากเร่งให้กลุ่มคนเหล่านี้มาเปิดบัญชีธนาคารโดยเร็ว



+++สำหรับกลุ่มที่ต้องตรวจสอบสิทธิเพิ่มเติม เช่น ชื่อ นามสกุล ไม่ตรงกับฐานข้อมูลของกระทรวงมหาดไทย เกิดปัญหาถูกบริษัทเอกชนนำชื่อไปอ้างเป็นพนักงาน คาดว่าใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 15 วัน อาจจะไม่ทันจ่ายเงินวันที่ 30 ธันวาคม กระทรวงการคลังจะเสนอ ครม.ขยายเวลาในการจ่ายเงินเฉพาะในส่วนนี้ ออกไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2560  



+++นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายได้ของผู้มีรายได้น้อยที่มีปัญหาและถูกนำไปอ้างสิทธิ โดยพบว่ามีผู้ลงทะเบียนบางรายมีรายได้ 2 พันบาทต่อเดือน แต่บริษัทนำไปอ้างชื่อลงบัญชีว่ามีรายได้ 9 พันบาทต่อเดือน ทำให้มีรายได้เกิน 1 แสนบาทต่อปี ส่วนบริษัทที่ทำการโดยไม่สุจริต ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายภาษี



+++นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยผลการประชุมว่ากนง.มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.5 โดยประเมินว่าเศรษฐกิจภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน  แม้ภาคการท่องเที่ยว จะได้รับผลกระทบมากกว่าคาด จากการปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมายและการลงทุนภาคเอกชนโดยรวมยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ แต่ได้รับการชดเชยจากการส่งออกสินค้าที่มีสัญญาณดีขึ้นจากการย้ายฐานการผลิตสินค้าบางรายการมาที่ประเทศไทย  ขณะที่ การใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญอย่างต่อเนื่อง



+++สำหรับปัจจัยเสี่ยง คือ ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ที่มีนัยสำคัญต่อความเชื่อมั่นและการค้าระหว่างประเทศ และนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงประมาณ 2.2 ล้านคน ประกอบกับปัญหาทางการเมืองของยุโรปและปัญหาภาคการเงินในยุโรปและจีน ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คาดว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ปี 2560 จะขยายตัวร้อยละ 3.2



+++วันนี้ หอการค้าไทย ร่วมกับ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงธุรกิจดาวเด่นในปีหน้า10 ธุรกิจ



+++ความเคลื่อนไหวสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 81 เซนต์ ปิดที่ 52.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 89 เซนต์ ปิดที่ 54.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ(อีไอเอ) เปิดเผยว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ เพิ่มขึ้น 2.26 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 ธันวาคม สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล บ่งชี้ถึงอุปสงค์อ่อนแอ



+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบเล็กน้อย ลดลง 32.66 จุด ปิดที่ 19,941.96 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 5.58 จุด ปิดที่ 2,265.18 จุด แนสแดค ลดลง 12.51 จุด ปิดที่ 5,471.43 จุด



+++ราคาทองคำ ปิดลบเล็กน้อย แม้ดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับแข็งค่าสุดในรอบ 14 ปี โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 40 เซนต์ ปิดที่ 1,133.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์



+++น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี สั่งแต่งตั้งคณะทำงานเรื่องการเรียกค่าเสียหาย กรณีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี จำนวน 4 สัญญา มูลค่าเสียหายกว่า 20,000 ล้านบาท จากข้าราชการและนักการเมืองจำนวน  6 รายแล้ว หลังจากกระทรวงพาณิชย์ ส่งหนังสือบังคับคดีทางปกครองมายังกรมบังคับคดี  เบื้องต้นได้หารือกับอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อติดตามสอบถามเรื่องคำสั่งทางปกครองว่ามีคำสั่งให้บุคคลใดชำระเงินค่าเสียหายแล้วหรือไม่ เพราะถือเป็นผู้เสียหายและโจทก์ในคดีแพ่ง ซึ่งต้องเป็นผู้นำชี้ทรัพย์  ขณะนี้ยังถือว่าอยู่ในขั้นตอนของกระทรวงพาณิชย์ ดังนั้นกรมบังคับคดีจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งทางปกครองก่อน



+++พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึง มาตรการดูแลความปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า มีแผนดำเนินการอยู่แล้วโดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ด้วยการตั้งจุดตรวจจุดสกัด จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ โดยจะใช้กำลังตำรวจกว่า 100,000 นาย ในการดูแลความปลอดภัย สถานที่จัดงานนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ปีนี้ หลายแห่งมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นไปในลักษณะการสวดมนต์ข้ามปี แต่ขอความร่วมมือไม่ให้มีการจุดพลุเฉลิมฉลอง ด้านการข่าวยังไม่พบสิ่งผิดปกติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมเส้นทางรองรับการจราจรที่หนาแน่นและจัดเตรียมเส้นทางสำรอง



+++ส่วนมาตรการยึดรถของผู้ขับขี่ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาดังกล่าว อยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าจะนำกลับมาดำเนินการในปีนี้อีกหรือไม่       เผยมาตรการคุมรถ-เมาขับ และเตรียมพร้อมในทุกด้าน ในช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2559 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2560



+++สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ( สสส.) ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดกิจกรรมรณรงค์รับมืออุบัติเหตุปีใหม่ ภายใต้แนวคิด ปีใหม่กลับบ้านปลอดภัย มีวินัย มีน้ำใจ ไม่ดื่ม ไม่ซิ่ง ที่ เกาะพญาไท อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

+++ด้านกรุงเทพมหานคร( กทม.)พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่าฯ กทม.ประชุมมาตรการป้องกันอัคคีภัยในเคหะสถานและสถานบริการ พร้อมทั้งลงพื้นที่ตรวจระบบป้องกันอัคคีภัยสถานบริการช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ที่เซ็นทรัลพระราม9



+++นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าฯ กทม. แถลงการณ์จัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ จากนั้นจะลงตรวจการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญ ที่สยามพารากอน



+++ไปดูเรื่องกสทช. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า การขยายระยะเวลาชำระงวดเงินของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล จากเดิมที่เคยมีอยู่ 6 งวด ผู้ประกอบการชำระแล้ว 3 งวด เหลือชำระอีก 3 งวด คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จึงออกประกาศขยายเวลาชำระ 3 งวดที่เหลือออกเป็น 6 งวด โดยผู้ประกอบการจะต้องมายื่นเรื่องกับ กสทช.ภายใน 30 วัน นับแต่มีประกาศคำสั่งวันที่ 20 ธันวาคม อย่างไรก็ตาม การขยายงวดชำระเงินจะไม่ครอบคลุมผู้ถูกตัดสิทธิรับใบอนุญาตไปแล้ว คือบริษัท ไทยทีวี



+++สำหรับกรณีการใช้มาตรา44 ขยายเวลาหน่วยงานด้านความมั่นคง หน่วยงานรัฐส่งคืนคลื่นความถี่วิทยุแก่ กสทช.ภายในเดือนเมษายน 2560 แผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ปี 2555 โดยให้ขยายออกไปอีก 5 ปี นายฐากร กล่าวว่า เข้าใจว่าเป็นข้อห่วงใยของหัวหน้าคสช. และต้องการให้การเปลี่ยนผ่านราบเรียบมากขึ้น หากก้าวกระโดดเร็วไป การทำธุรกิจอาจจะเหมือนกับทีวีดิจิทัลที่ คสช.ต้องเข้ามาช่วยเหลือในขณะนี้



+++พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) ติดตามความคืบหน้าคดีจุดพลุแฟร์ในสนามราชมังคลากีฬาสถาน ระหว่างการแข่งขันฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม หลังจากช่วงเย็นเมื่อวานนี้ ตำรวจฝ่ายสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล4 บุกเข้าตรวจค้นร้านจำหน่ายพลุแฟร์ ย่านบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ที่จำหน่ายให้กับกลุ่มแฟนบอล นำไปก่อเหตุภายในสนามกีฬาดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจสามารถจับกุมเจ้าของร้านพลุแฟร์ พร้อมตรวจยึดพลุแฟร์ได้กว่า 1,950 นัด และจากการสอบสวนเจ้าของร้าน ให้การรับสารภาพว่าจำหน่ายพลุแฟร์ให้กับกลุ่มแฟนบอลจริง ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหานำเข้า ผลิต จำหน่ายซึ่งยุทธภัณฑ์ ที่ไม่ได้รับอนุญาต จากปลัดกระทรวงกลาโหม อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ



+++พลตำรวจโทศานิตย์ ยืนยันว่า คดีนี้จะมีการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ทั้งผู้จุดและผู้สั่งการ จึงขอให้ผู้เกี่ยวข้องเข้ามอบตัวกับตำรวจ โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และย้ำว่าจะดำเนินการเฉพาะผู้ที่ก่อเหตุเท่านั้น ขณะที่ตำรวจมีการออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องไปแล้วมากกว่า 10 คน โดยในจำนวนนี้มี 4-5 คน เข้าให้ปากคำแล้วในฐานะพยาน ซึ่งตำรวจยังไม่มีการเเจ้งข้อหาดำเนินคดีกับบุคคลใด และอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล ส่วนนายประพจน์ โพธิ์ปาน แกนนำกลุ่ม ตำรวจได้มีการส่งหมายเรียกไปที่บ้านพักแล้ว และได้รับการประสานว่าจะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันนี้



CR:สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 

ข่าวทั้งหมด

X