สรุปข่าว19.35น.
+++ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำข้าราชการ พนักงานราชการ และเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล เล่นกีฬาประจำทุกในทุกสัปดาห์เพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง วันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้นำเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลเต้นแอโรบิกเพื่ออบอุ่นร่างกาย ในสัปดาห์นี้นายกรัฐมนตรีได้เลือกออกกำลังกายด้วยกีฬาเทเบิลเทนนิสหรือปิงปอง โดยเลือกเล่นในแบบประเภทเดียว 1 : 1 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลพร้อมสื่อมวลชน ซึ่งในระหว่างการแข่งขันฯ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับ นายลักยิ้ม งามพจนวงศ์ ผู้แทนสมาคมเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทยว่า รัฐบาลให้กำลังใจนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ของสมาคมฯ ทุกคน พร้อมให้การสนับสนุนกีฬาเทเบิลเทนนิสและกีฬาประเภทอื่น ๆ อย่างเต็มที่ หลังจบจากการเล่นกีฬาดังกล่าว ผลการแข่งขันคือ เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นฝ่ายชนะ 11-2 , 9-2 และสื่อมวลชน เป็นฝ่ายชนะ 10-7 หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ขอเปลี่ยนตัวเพื่อไปปฏิบัติราชการต่อไป
+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีกำหนดการตรวจเยี่ยมราชการที่ จ.น่าน ในวันที่ 23 ธ.ค.2559 นอกจากฟัง บรรยายสรุปเรื่อง "โครงการปลูกป่าสร้างคนบนวิถีพอเพียง รักษาต้นน้ำ บรรเทาอุทกภัย จังหวัดน่าน" จากมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ ยังจะเป็นประธานพิธีมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ (ป.ส.23) โดย รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเป็นผู้มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เพื่อนำไปมอบต่อให้กับราษฎรบ้านน้ำป้าก ห้วยธนู ต.ตาลชุม อ.ท่าวังผา จ.น่านและราษฎรบ้านน้ำมีด ต.เปือ อ.เชียงกลางจ.น่าน ในช่วงบ่าย เวลาประมาณ 13.00 น.นายกฯ และคณะ จะเดินทางไปยังบ้านห้วยส้มป่อย อ.เมือง เพื่อพบปะผู้นำชุมชน เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาเมืองน่านในมิติต่างๆ อย่างยั่งยืน รวมทั้งรับฟังแนวทางการท่องเที่ยวน่านอย่างยั่งยืน เพื่อเพิ่มความหลากหลายของรูปแบบการให้บริการและการท่องเที่ยวต่างๆ โดยส่งเสริมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ และให้คนในพื้นที่ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการการท่องเที่ยวมากขึ้น ก่อนเดินทางกลับถึง กทม.ในเวลา 16.00 น.
+++คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี หลังเศรษฐกิจไทยในปี 2559 และ 2560 มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ โดยในปี 2559 และ 2560 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้เท่ากันที่ ร้อยละ 3.2 โดยการบริโภคภาคเอกชน และการส่งออกสินค้าที่ปรับดีกว่าคาดจากข้อมูลจริงในไตรมาส 3 ปี 2559 เป็นสำคัญ รวมทั้งมาตรการภาครัฐที่ออกมาเพิ่มเติม ช่วยชดเชยการลงทุนภาคเอกชน และการส่งออกบริการที่ต่ำกว่าคาด
สำหรับประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มทยอยปรับสูงขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้เงินเฟ้อจะอยู่ที่ร้อยละ0.2 ส่วนในปีหน้าอยู่ที่ร้อยละ1.5 และคาดว่าจะกลับสู่กรอบเป้าหมายในไตรมาสแรกของปี 2560 แต่ลดลงบ้างจากประมาณการครั้งก่อน ส่วนทิศทางค่าเงินบาทว่าแม้จะอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจได้ แต่ กนง.ให้ความเป็นห่วงทิศทางค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ยังแข็งค่ากว่าอยู่บ้าง แต่เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งถ้าปล่อยให้ค่าเงินบาทเป็นไปในลักษณะเช่นนี้นานๆ จะไม่เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,508.57 จุด ลดลง 3.08 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,609.97 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบและวอลุ่มเทรดน้อย คาดชะลอลงทุนใกล้ช่วงปลายปี ตลาดฯขณะนี้มีปัจจัยเสี่ยงเพียงเรื่องท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่มองเศรษฐกิจสหรัฐฯค่อนข้างดีจากการจ้างงานที่ดีขึ้น ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) ปรับตัวขึ้นเร็ว และเงินบาทก็อ่อนค่าเร็ว ส่งผลกดดันต่อ Fund Flow ซึ่งไม่เอื้อต่อตลาดหุ้น
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากนิกเกอิพุ่งขึ้นก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน การที่เงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ยังส่งผลให้หุ้นกลุ่มส่งออกปรับตัวลงปิดลบ 50.04 จุด หรือ ที่ 19,444.49 จุด
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้เพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 จากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากนักลงทุนยังคงคาดหวังว่า คณะทำงานของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะช่วยฟื้นฟูภาคธนาคารให้แข็งแกร่งขึ้นเพิ่มขึ้น 80.74 จุด ที่ 21,809.80 จุด
+++ นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. กล่าวว่า ที่ประชุมฯ มีมติให้ปรับค่าเอฟที งวดเดือน ม.ค.-เม.ย.60 ลดลง 4 สตางค์/หน่วย ทำให้ค่าเอฟทีมาอยู่ที่ -37.29 สตางค์/หน่วย แม้ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เพื่อลดภาระแก่ผู้บริโภคในช่วงปีใหม่ ขณะเดียวกัน เป็นการสะสมเงินไว้ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงที่จะเกิดขึ้นในช่วงกลางปีหน้า ดังนั้น กกพ.จึงมีมติให้ปรับค่าเอฟทีในงวด ม.ค.-เม.ย.60 ลดลง 4.00 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าเอฟทีอยู่ที่ -37.29 สตางค์ต่อหน่วย เพื่อลดภาระแก่ผู้บริโภคในช่วงปีใหม่ ในขณะเดียวกันก็สะสมเงินไว้ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงที่จะเกิดขึ้นในช่วงกลางปีหน้า
+++นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า สำนักงานกสทช. เตรียมที่จะนำคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 76/2559 เรื่อง มาตรการส่งเสริมการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยอาศัยอำนาจตาม มาตรา 44 เข้าประชุมบอร์ดกสทช.ในวันที่ 28 ธันวาคม 2559 นี้ เพื่อรับทราบต่อไป คำสั่งดังกล่าว ให้สำนักงาน กสทช.และกองทุนพัศนากิจการกระจายเสียง (กทปส.) เป็นผู้ชำระค่าเช่าโครงข่ายดาวเทียมแทนผู้ประกอบการ โดยมีกำหนดระยะเวลา 3 ปี รวมมูลค่า 2,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อปี ปีละ 800 ล้านบาท ซึ่งจะครอบคลุมการชำระให้แก่ช่องทีวีดิจิตอลทั้งหมด 26 ช่อง แบ่งเป็นทีวีดิจิตอลประเภทธุรกิจ 22 ช่อง และทีวีดิจิตอลประเภทกลุ่มสาธารณะ 4 ช่อง ได้แก่ ช่อง5,ช่อง NBT,อสมท,และช่องไทยพีบีเอส ส่วนประเด็นสุดท้ายตามประกาศ คสช. เกี่ยวกับมติ กสท.เรื่องการเรียกคืนคลื่นความถี่การประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง ที่เป็นคลื่นความถี่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาสิ้นสุด ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ จำนวน 21 หน่วยงาน จำนวน 537 คลื่น ให้มีกำหนดระยะเวลาการคืนคลื่นสูงสุดไว้ 5 ปี นั้น ให้ กสทช.ชะลอแผนเรียกคืนคลื่นดังกล่าวออกไป 5 ปี เนื่องจากรอดูสถานการณ์การประกอบกิจการของทีวีดิตอลว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง