เยอรมนี กังวลคนร้ายขับรถพุ่งชนตัวจริงยังหลบหนี/ตุรกีเร่งสอบคนใกล้ชิดมือยิง ส่งศพทูตกลับรัสเซีย/สหรัฐฯได้รับโดรนคืนจากจีนแล้ว

21 ธันวาคม 2559, 05:26น.


+++ความคืบหน้าเหตุคนร้ายขับรถบรรทุก พุ่งชนผู้คนในตลาดคริสต์มาสของกรุงเบอร์ลิน เยอรมนี  ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 ศพ บาดเจ็บ 48 คน ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดยอดนิยมที่มีผู้คนมาออกมาจับจ่ายซื้อสินค้า ทั้งชาวเยอรมันและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งอยู่ด้านนอกของโบสถ์อนุสรณ์ไกเซอร์ วิลเฮล์ม และยังใกล้กับสวนสัตว์ในกรุงเบอร์ลินอีกด้วย ทำให้ทางการตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยทั่วกรุงเบอร์ลิน  ประชาชนเดินทางมาวางดอกไม้ไว้อาลัย และกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)  ออกมาอ้างความรับผิดชอบ นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงแห่งเยอรมนี แถลงว่า เธอรู้สึกตกใจและเสียใจอย่างมาก ซึ่งก็ยังมีหลายอย่างที่ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ก็สันนิษฐานไว้ว่าเป็นการโจมตีของพวกก่อการร้าย หลังเกิดเหตุ ตำรวจจับกุมชายผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นผู้อพยพมาจากปากีสถาน แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเหตุการณ์ ซึ่งนายโธมัส เดอ ไมซ์ซิเออร์ รัฐมนตรีมหาดไทยของเยอรมนี กล่าวว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าชายผู้ถูกควบคุมตัว เป็นคนขับรถบรรทุกคันที่ก่อเหตุ ยังยืนยันไม่ได้ ส่วนตำรวจเบอร์ลินได้ขอร้องให้ประชาชนยังคงตื่นตัวเป็นพิเศษและรีบแจ้งเหตุหากพบอะไรผิดปกติหรือน่าสงสัย



+++ทั้งนี้ คนขับรถบรรทุกคันที่เกิดเหตุ ได้รับการปล่อยตัวแล้ว ตามคำสั่งของอัยการกลาง  สำนักงานอัยการระบุในถ้อยแถลงว่าจากผลตรวจทางนิติเวชศาสตร์ ไม่พบหลักฐานว่าผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในห้องโดยสารของรถบรรทุกระหว่างเกิดอาชญากรรม



+++สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน เปิดเผยว่า ตำรวจกรุงเบอร์ลิน เปิดสายด่วนหมายเลข +49 30 5402 3111 เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบรายชื่อผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บได้  ตำรวจแจ้งสถานเอกอัครราชทูตฯ ว่า ไม่ปรากฏชื่อชาวไทยในรายชื่อดังกล่าว ชาวไทยที่ประสงค์จะตรวจสอบรายชื่อผู้สูญหาย/ญาติ/เพื่อน สามารถแจ้งสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้อีกทางหนึ่งที่หมายเลข +49 152 0351 9139 และ +49 162 520 7553 ตำรวจกรุงเบอร์ลิน แจ้งว่า ผู้ที่ต้องสงสัยว่าก่อเหตุที่ถูกจับกุมตัว ได้ให้การปฏิเสธ ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่าผู้ก่อเหตุตัวจริงยังอยู่ระหว่างการหลบหนี จึงขอให้ประชาชนใช้ความระมัดระวัง



+++เอเอฟพี รายงานว่า กรณีผู้อพยพชาวปากีสถานหรืออัฟกานิสถาน ผู้ต้องสงสัยสำคัญ สองแกนนำพรรคฝ่ายค้านคือ นางเฟราเคอ เปตรี ผู้นำพรรคและนายมาร์กัส เปรตเซลล์ ส.ส.ของพรรคเอเอฟดี พรรคฝ่ายค้านที่มีแนวคิดต่อต้านอิสลามและต่อต้านคนเข้าเมือง วิจารณ์นโยบายรับผู้อพยพแบบเสรีของนายกรัฐมนตรีแมร์เคิล ระบุว่า เหตุรุนแรงครั้งนี้เป็นผลจากข้อบกพร่องของนโยบายรัฐบาลของนางแมร์เคิล และระบุว่า เยอรมนีจะไม่มีความปลอดภัยอีกต่อไป

+++ขณะที่ ตำรวจนครบาลกรุงลอนดอน อังกฤษ อยู่ระหว่างทบทวนแผนรักษาความปลอดภัยให้รัดกุมมากขึ้น จากการประเมินว่ามีแนวโน้มสูงที่จะเกิดเหตุในอังกฤษเช่นกัน นายซาดิก ข่าน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ให้ความมั่นใจแก่ชาวกรุงลอนดอนและนักท่องเที่ยวที่เยือนกรุงลอนดอนในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เป็นภารกิจสำคัญที่สุดสำหรับตำรวจนครบาลและรัฐบาลท้องถิ่นกรุงลอนดอน



+++นายบรูโน เลอ รูซ์ รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศส ยืนยันขอให้ประชาชนออกไปฉลองอย่างสบายใจเพราะทางการได้ดำเนินการทุกอย่างเพื่อรับรองความปลอดภัย โดยเฉพาะตลาดกลางแจ้งหลายร้อยแห่งที่มีคนไปเดินเที่ยวในช่วงคริสต์มาสหลายล้านคน ส่วนสถานที่เสี่ยงอย่างท่าอากาศยาน สถานีรถไฟ กำลังทหารและตำรวจที่เคยประจำการรักษาความปลอดภัย 10,000 นายหลังเกิดเหตุร้ายหลายครั้งเมื่อปีก่อน ขณะนี้ลดกำลังลงเหลือ 7,000 นาย เพื่อให้อีก 3,000 นายเตรียมพร้อมปฏิบัติการในช่วงสิ้นปี



+++ด้านนายกเทศมนตรีเมืองสตราสบูร์ก ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ หนึ่งในสถานที่จัดตลาดคริสต์มาสเก่าแก่ที่สุดของยุโรป มีคนไปเที่ยวมากถึง 2 ล้านคน ประกาศว่า จะไม่ยอมก้มหัวให้แก่การก่อการร้ายและการข่มขู่ ทางการได้ตั้งเครื่องกีดขวางขนาดใหญ่กั้นไม่ให้รถเข้าไปในพื้นที่ตลาดใจกลางเมือง และมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจตราคนเข้าออก



+++ไปที่ตุรกี หลังนายอังเดรย์ คาร์ลอฟ วัย 62 ปี เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำตุรกี ถูกคนร้ายคือ นายเมฟลุต เมิร์ต อัลตินตาส ตำรวจตุรกีวัยอายุ 22 ปียิง 8 นัดเข้าที่ด้านหลัง เสียชีวิตเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ขณะกล่าวสุนทรพจน์ในหอแสดงงานศิลป์ในกรุงอังการา ล่าสุด มีการนำศพนายคาร์ลอฟ  เดินทางกลับรัสเซียแล้ว มีการแสดงพิธีไว้อาลัยที่สนามบินโดยนักการทูตระดับสูงของตุรกีร่วมไว้อาลัยด้วย ขณะที่ รัสเซียเพิ่มการเฝ้าระวังระดับสูงสถานทูตรัสเซียทั่วโลก และจะส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปที่ตุรกีเพื่อสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบรัสเซีย กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน 18 คนของรัฐบาลรัสเซียเดินทางไปยังกรุงอังการาแล้ว เพื่อประสานงานกับฝ่ายตุรกี พร้อมทั้งอ้างคำกล่าวของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ว่า มาตรการตอบโต้ ของรัสเซียในตอนนี้ คือ การยกระดับปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย ในซีเรีย และ ฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะต้องรู้สึก 



+++ผู้นำรัสเซียได้ยกย่องนายคาร์ลอฟ วัย 62 ปี ว่าเป็นหนึ่งนักการทูตที่เก่งกาจและมีความสามารถ โดยเคยปฏิบัติหน้าที่ทั้งในเกาหลีเหนือและใต้ ก่อนเข้ามาประจำการที่กรุงอังการาเมื่อปี 2556 ในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับตุรกีกำลังย่ำแย่ และมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีให้ดีขึ้น จากเหตุเครื่องบินรบของตุรกียิงเครื่องบินทหารของรัสเซียตกในเขตแดนซีเรีย เมื่อเดือนพ.ย. 2558



+++นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตุรกีกำลังสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคนร้ายประมาณ 6 คน  ผู้ที่ถูกควบคุมตัว ประกอบด้วย บิดา มารดา พี่สาวและญาติอีก 2 คน และมีรายงานอีกว่าเพื่อนร่วมอพาร์ตเมนต์ของนายอัลตินตาสในกรุงอังการา ถูกควบคุมตัวมาสอบปากคำเช่นกัน



+++บีบีซี รายงานว่า หลังก่อเหตุคนร้ายตะโกนชัดเจนว่าคัดค้านการที่รัสเซียเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามในเมืองอเล็ปโปของซีเรีย สื่อตุรกี ระบุว่า ในวันเกิดเหตุ ตำรวจรายนี้อยู่ในช่วงการลาป่วย นอกจากนี้ในช่วงที่เข้าไปยังหอศิลป์ที่จัดนิทรรศการ เครื่องตรวจจับโลหะที่บริเวณประตูทางเข้าอาคารตรวจพบโลหะคือปืน แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็อนุญาตให้เขาผ่านไปได้ หลังการแสดงบัตรข้าราชการตำรวจ และแต่งตัวเรียบร้อยคือ สวมสูทและใส่เนคไท และขณะที่เขาเข้าไปยืนอยู่ที่ด้านหลังทูตรัสเซีย หลายคนเข้าใจว่าเขาเป็นเพื่อนหรือเจ้าหน้าที่อารักขาของทูตรัสเซีย ผู้ก่อเหตุ เช่าห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับสถานที่เกิดเหตุเพื่อเตรียมการ



+++การสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่พุ่งเป้าไปที่เครือข่ายของนายเฟตฮุลเลาะห์ กูเลน นักการศาสนาชาวเติร์กซึ่งลี้ภัยอยู่ในสหรัฐฯ และเป็นคู่ปรับทางการเมืองคนสำคัญของประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน โดยสื่อของตุรกีเชื่อว่านายกูเลนอยู่เบื้องหลังความพยายามก่อการรัฐประหารเมื่อเดือนก.ค. ล่าสุด  นายกูเลนออกแถลงการณ์ประณามและแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น



+++ส่วนเหตุการณ์ที่จอร์แดน ล่าสุด กลุ่มรุนแรงไอเอส ประกาศอ้างความรับผิดชอบเหตุโจมตีแหล่งท่องเที่ยวปราสาทและป้อมปราการโบราณที่เมืองคารัค ทางใต้ของจอร์แดน เมื่อวันอาทิตย์  ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ศพ เป็นชาวจอร์แดน 9 คนและนักท่องเที่ยวหญิงจากแคนาดาอีก 1 คน บาดเจ็บ 34 คน



+++กระทรวงกลาโหมของสหรัฐ ฯ ออกแถลงการณ์เรื่องการได้รับโดรน ยานสำรวจใต้น้ำไร้คนขับ ( ยูวีวี ) คืนจากกระทรวงกลาโหมของจีนแล้ว หลังยานสำรวจดังกล่าวซึ่งราคา 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 5.25 ล้านบาท ) หายไประหว่างออกเดินทางไปจากเรือ ยูเอสเอ็นเอส โบวดิทช์  เพื่อสำรวจพื้นสมุทรในเขตน่านน้ำสากลของทะเลจีนใต้ บริเวณน่านน้ำสากล นอกชายฝั่งอ่าวซูบิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของฟิลิปปินส์ เมื่อวันพฤหัสบดี



+++ด้านกระทรวงกลาโหมในกรุงปักกิ่ง ออกแถลงการณ์ระบุเพียงว่า ได้ส่งมอบยานยูวีวีคืนให้เพนตากอนเป็นที่เรียบร้อย โดยกระบวนการ เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งเป็นผล ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีน วิจารณ์สหรัฐฯว่า ตีโพยตีพายเกินเหตุ  ทั้งที่การส่งโดรนเข้ามาสื่อเจตนาของ การสอดแนม ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวว่าการกระทำของจีน ผิดกฎหมาย เนื่องจากเกิดขึ้นในเขตน่านน้ำสากล และเป็นการยึดทรัพย์สินของสหรัฐฯโดยวิธีมิชอบ



+++เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีน ตึงเครียดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายเรื่อง โดยเฉพาะความมั่นคงในทะเลจีนใต้และความสัมพันธ์กับไต้หวันตามหลักการจีนเดียว รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ ก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค.



CR:BBC



 

ข่าวทั้งหมด

X