กรณีของนายวิทิต ด้วงจุมพล แท็กซี่พลเมืองดี จิตใจงาม คนขับแท็กซี่เขียวเหลือง 1 มก-8250 กทม. ที่นำทรัพย์สินเป็นเงินสดและทองรูปพรรณ มูลค่าเกือบ 3 ล้านบาท ที่ผู้โดยสารลืมไว้ในแท็กซี่ ส่งคืนเจ้าของโดยโทรแจ้ง จส.100 ประสานตามหาเจ้าของจนพบและมีการส่งมอบของคืนให้กันเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ซึ่งในวันดังกล่าว นายวิทิต ได้เดินทางมาพร้อมนางสุภาภรณ์ คุณแม่ และได้เปิดเผยว่า การที่ตัวเองเป็นคนดีได้ เพราะคุณแม่สอนไม่ให้เอาของของคนอื่น จส.100 ได้พูดคุยกับนางสุภาภรณ์ ถึงวิธีการอบรมแนวทางการเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี นางสุภาภรณ์ เล่าว่า มีลูกทั้งหมด 5 คน นายวิทิตเป็นคนที่ 4 เลี้ยงลูกด้วยตัวเองตลอด และก็ทำงานด้วย เลี้ยงเอง อบรมเอง ตอนเล็กๆจ้างคนดูแล พอตอนกลางวันก็กลับมาให้นม ตอนเช้าก็ไปส่งลูกเอง ตอนเย็นก็มารับกลับบ้าน ส่วนการดูแลเรื่องอาหารเป็นทั้งคนไปจ่ายตลาด และทำเองทั้งหมด ส่วนลูกมีหน้าที่เรียนอย่างเดียว เวลาสั่งสอนลูก จะสั่งสอนให้ลูกเป็นคนมีน้ำใจ ทำดีต้องได้ดี ถ้าหากไปขโมยของคนอื่น คนอื่นไม่เห็น แต่ตัวเองเห็น ทำอะไรก็ได้ ทำให้ตัวเองมีความสุข แต่ถ้าความสุขของเราทำให้คนอื่นเดือดร้อน ก็ไม่ดี ไม่มีความสุข และให้เป็นคนมีน้ำใจ และพอปิดเทอมจะให้ลูกอยู่บ้าน ไม่เอามาทำงาน เพราะจะทำให้ทำงานลำบาก อาจจะรบกวนคนอื่น แอนตี้เรื่องเอาลูกไปเลี้ยงที่ทำงาน และจะโทรมาตอนกลางวัน จะถามเรื่องความเป็นอยู่ เช่น กินข้าวหรือยัง ทำอะไรอยู่ ใกล้ชิดตลอดเวลา จะเลี้ยงทางโทรศัพท์ จะโทรมาคอยถามตลอดเวลา ซึ่งโชคดีที่ลูกๆปิดเทอมจะอยู่บ้าน ไม่ออกไปไหน จะอยู่ด้วยกัน กรณีนายวิทิต ก่อนหน้านี้มีอาชีพร้องเพลงกลางคืน พอช่วงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สวรรคต งานตอนกลางคืนก็ไม่มี พอดีมีคนเอาแท็กซี่มาขาย เลยซื้อให้นายวิทิตขับ บอกกับนายวิทิต ว่างานร้องเพลงเป็นงานไม่แน่นอน พอแก่ตัวไปจะลำบาก ไม่มีรายได้ แต่คนขับแท็กซี่ยังมีรายได้ และตัวนายวิทิตเป็นคนที่มีความใจใส่ต่อทุกคน จะโทรมาถามตลอดว่าแม่กินอะไรหรือยัง ทำอะไรอยู่ มีความเป็นห่วง และตัวเองจะสอนเรื่องบุญคุณคนห้ามลืมเด็ดขาด สอนให้รู้จักผู้มีพระคุณ ให้ตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้มีพระคุณหรือตัวญาติต้องดูแล ซึ่งแม่จะทำให้เขาได้เห็นตรงจุดนี้ด้วย และเน้นเรื่องการเลือกคบคนด้วย คบคนให้มีสติ ภูมิใจและโชคดี ที่ลูกทุกคนไม่มีใครทำอะไรให้เดือดร้อน
ก่อนที่นายวิทิต จะประสานจส.100 ให้ตามหาจนเจอเจ้าของทรัพย์สินที่แท้จริง นายวิทิต ได้นำสิ่งของ( ยังไม่ทราบว่าเป็นเงินสดและทอง เพราะยังไม่ได้เปิด) ไปสอบถามว่าเป็นของผู้โดยสารคนสุดท้ายที่ตัวเองได้ไปรับจากหมู่บ้านพฤกษาทาวน์เน็กซ์ ถ.พระยาสุเรนทร์ หรือไม่ เพราะคิดว่าน่าจะเป็นของผู้โดยสารคนดังกล่าว ระหว่างที่นำไปส่งมอบคืนได้ไปติดต่อ นายธนวัฒน์ ยำหยวน หัวหน้ารปภ.ของบริษัทวีเอเอ็น ซิเคียวริตี้ เพราะไม่เจอผู้โดยสารคนที่จะนำของไปสอบถาม
นายธนวัฒน์ คนดีอีกหนึ่งคนที่ควรยกย่อง เล่าเหตุการณ์ว่า เป็นคนเรียกรถของนายวิทิต ให้ไปส่งลูกบ้านที่สนามหลวง และแท็กซี่ก็ย้อนกลับมาส่งลูกบ้าน หลังจากนั้นแท็กซี่ก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง มาหาลูกบ้านที่บ้านแต่ไม่เจอ ก็เลยมาหาตัวเองที่ป้อมรปภ.มาฝากของไว้ เป็นถุงสีเหลือง ในส่วนตัวคิดว่าเป็นโน็ตบุ๊ค เลยไม่อยากจะรับไว้ เลยถามนายวิทิต ว่ามาหาลูกบ้านคนนี้ใช่ไหม จะพาไป เพราะรู้ว่าลูกบ้านคนนี้อยู่ที่สวนหย่อมของหมู่บ้าน พอไปถึงสวนหย่อม ก็เลยถามลูกบ้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุว่า ป้าลืมของใช่ไหม ในช่วงเวลานั้นนายวิทิตได้ยื่นของให้ ตอนนั้นทั้งตัวเองและนายวิทิต ไม่รู้ว่ามีของมีค่าอยู่จำนวนมาก ช่วงที่เปิดของเห็นคุณป้าดูของสักพักแล้วป้าก็บอกว่าของป้านี่หล่ะ เป็นของคนในบ้านป้าเอง นายธนวัฒน์ เล่าว่า ถ้าเป็นของคุณป้าจริงขอเช็คของก่อน ถ้าของป้าจริงหรือญาติจริง ข้างในมีอะไรบ้าง และได้ขอเปิดดูว่าตรงกันหรือไม่ ป้าบอกว่ามีแปรงสีฟัน มีผ้าเช็ดตัว พอเช็คของ ปรากฎว่าเจอทอง เจอเงินสด ซึ่งไม่ตรงกับที่คุณป้าบอก เลยบอกว่า ขอโทรหา 191 ถ้าเป็นของป้าจริง เดี๋ยวป้าคืนของกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อหน้าเลย เซ็นต์รับของด้วย ทางคุณป้าก็เลยบอกว่าไม่ใช่ของป้า นายธนวัฒน์ เลยเปิดของข้างในดู และถ่ายรูปข้างในไว้ ตรงนั้นมีสักขีพยานหลายคน เมือ่ไม่เจอเจ้าของที่ลืมของไว้ จึงทำให้นายวิทิต โทรมาประสานจส.100 ขอตามหาเจ้าของทรัพย์สินที่แท้จริง จส.100 ขอยกย่องชื่นชมคนดีอีกคนคือ นายธนวัฒน์ ว่าเป็นคนที่ละเอียด รอบคอบ มีไหวพริบ ช่างสังเกต คนดีอีกคนจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น