ผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกันร่วม 20 คน จัดทำรายงานในชื่อ “The Jihadi Threat – ISIS, Al-Qaeda, and Beyond” ซึ่งมีเนื้อหาโดยรวมระบุว่า ถึงแม้ว่ากลุ่มรัฐอิสลาม หรือ IS จะตกอยู่ในสถานะเป็นฝ่ายตั้งรับทั้งในซีเรียและอิรัก แต่กลุ่มดังกล่าวมีนักรบอาสาสมัครชาวต่างชาติในขณะนี้ประมาณ 25,000-30,000 คน เท่าๆ กับเมื่อทศวรรษ 1980 ที่มีอาสาสมัครชาวอาหรับเชื้อสายอัฟกันเดินทางหลั่งไหลไปรวมตัวกันในอัฟกานิสถาน เพื่อต่อสู้กับการรุกรานของสหภาพโซเวียต ซึ่งในครั้งนั้น หลังกลุ่มดังกล่าวสามารถต่อต้านสหภาพโซเวียตได้ ก็ได้กลายเป็นแนวหน้าของกลุ่มทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ในหลายประเทศ
รายงานดังกล่าวจึงเตือนว่า กลุ่มนักรบอาสาชาวต่างชาติของกลุ่ม IS ก็จะก่อเหตุทำนองเดียวกัน แม้ใช่ว่ากลุ่มนักรบต่างชาติทุกคนจะเป็นฝ่ายลงมือก่อเหตุก็ตาม เนื่องจากกลุ่มอาสาบางคนเลือกที่จะเป็นพลังสนับสนุนหรือให้การอำนวยความสะดวกในการก่อเหตุ ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามสำคัญ นอกจากนั้นกลุ่มดังกล่าวยังสามารถสร้างเครือข่ายเกินกว่าที่จะสกัดกั้นได้ ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวระบุว่า บทเรียนในประวัติศาสตร์ต้องการจะบอกให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักรบต่างชาติอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นการยากมากที่จะแยกแยะกลุ่มนักรบอาสาสมัครที่เดินทางกลับประเทศ เพื่อมาก่อเหตุ ดังนั้น ครอบครัวและชุมชนจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ในการจับตาดูพฤติกรรมบุคคลในครอบครัวหรือชุมชน
ทีมต่างประเทศ
CR:AP