ซาบซึ้งพระมหากรุณาธิคุณ ชูวิทย์พ้นโทษ ยอมรับผิดทุกอย่างช่วยงานกรมราชทัณฑ์ทำหน้าที่จนท.เก็บศพ

16 ธันวาคม 2559, 18:33น.


ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กรมราชทัณฑ์ได้ปล่อยตัวนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตผู้ต้องขังคดีรื้อบาร์เบียร์ ซึ่งได้พระราชทานอภัยโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2559 เนื่องในโอกาสแรกเนื่องในโอกาสแรกนับแต่ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ โดยมีนางสุรัชดา แววศรี หรือ เก๋ ภรรยาของนายชูวิทย์ และบุตรสาวพร้อมผู้ติดตามมารอรับตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม



ทันทีที่ประตูเรือนจำเปิด น.ส.ดวงตระการ กมลวิศิษฏ์ ลูกสาวคนเล็ก ได้โผเข้ากอดนายชูวิทย์ จากนั้นนายชูวิทย์ ได้เดินมากราบพระพุทธรูปหลวงพ่อโสธรที่อยู่บริเวณด้านหน้าทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก่อนเดินมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร อย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระราชทานอภัยโทษให้กับผู้ต้องโทษทุกคนให้ได้กลับเนื้อกลับตัว จะพึงระลึกว่า อิสรภาพครั้งนี้เปรียบเสมือนชีวิตใหม่ และจะปฏิบัติตัวเป็นคนดี ขอให้สังคมได้ให้



ที่ผ่านมาผมยอมรับผิดหมดทุกอย่าง ช่วงเวลาที่อยู่ในเรือนจำได้ช่วยงานกรมราชทัณฑ์ด้วยการเป็นเจ้าหน้าที่เก็บศพภายในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ รวมแล้วตั้งแต่เดือนเมษายนถึงวันนี้เก็บศพมาแล้ว 80 ศพ ละวันนี้ยังเก็บศพหญิงสาวที่ต้องโทษเป็นคนสุดท้ายด้วย ตนอยู่กับศพ กับน้ำเหลือง กับฮึกับฉี่ ใครคิดว่าผมใช่ความเป็นบิ๊กเนมใช้ความสุขในเรือนจำไม่จริง และขอยืนยันว่าเป็นนักโทษเต็มตัว ม่ได้อยู่สบาย หรือเป็นผู้ต้องขังบิ๊กเนมอย่างที่มีใครกล่าวถึง ที่สำคัญ ผมรับโทษจริง ไม่ได้อ้างว่า บวชอยู่ ป่วยอยู่หรือ หนีคดีอะไร ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม



นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า นอกจากนายชูวิทย์แล้ว เรือนจำในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ในกลุ่มเรือนจำลาดยาวจะปล่อยตัวประมาณ 1,000 ราย ซึ่งถือเป็นกลุ่มแรกที่เรือนจำจะปล่อยตัว หลังจากนี้จะทยอยปล่อยจนครบตามหลักเกณฑ์ พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2559 ส่วนผู้ต้องขังรายอื่นๆ ที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์การปล่อยตัวก็จะได้รับการลดวันต้องโทษ

ข่าวทั้งหมด

X