นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการพระราชทานอภัยโทษเนื่องในโอกาสแรกนับแต่ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ 2559 ว่า คาดว่าจะมีผู้ต้องโทษที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษและได้รับการปล่อยตัวทันทีประมาณ 30,000 คน โดยแต่ละเรือนจำจะมีคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบคุณสมบัติ เพื่อให้ผู้ต้องโทษที่ได้รับการปล่อยตัวมีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ คือต้องเป็นผู้ต้องโทษชั้นดีขึ้นไปจึงได้รับสิทธิ์ และไม่เป็นผู้ที่กระทำผิดซ้ำ ไม่ใช่ผู้ต้องโทษคดีฆ่าข่มขืน ฉ้อโกงประชาชน หรือค้ายาเสพติด โดยคาดว่าจะสามารถปล่อยตัวล๊อตแรกได้ภายใน 3 วันหลังจากนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องโทษน้อยไม่เกิน 2 ปี
สำหรับผู้กระทำผิดคดี 112 ก็เข้าข่ายได้รับประโยชน์จากพ.ร.ก.อภัยโทษครั้งนี้ด้วย โดยจัดเป็นผู้ต้องขังคดีทั่วไปที่มีสิทธิ์ได้รับการลดโทษตามลำดับชั้น สำหรับกลุ่มที่เข้าข่ายได้รับสิทธิ์อภัยโทษปล่อยตัวรอบนี้ เช่น นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ และผู้ต้องขังคดีรื้อบาร์เบียร์ ที่ต้องโทษจำคุกคนละ 2 ปี ส่วนนายเฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือผู้พันตึ๋ง ผู้ต้องโทษคดีฆาตกรรมนายปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ที่ได้รับการลดวันต้องโทษและพักการโทษไปก่อนหน้านี้ แต่กระทำความผิดซ้ำจนถูกนำตัวเข้าคุมขังตามโทษที่เหลือที่เรือนจำกลางบางขวาง ในรอบนี้ไม่เข้าข่ายได้รับการอภัยโทษเพราะถูกลดชั้น ปรับเป็นนักโทษชั้นเลว
แฟ้มภาพ