เอกชนนำเข้ารถเมล ์ NGV ยืนยัน นำเข้าจากมาเลเซียจริง ปัดไม่รู้นำเข้าอะไหล่จากที่ไหน

08 ธันวาคม 2559, 16:09น.


หลังกรมศุลกากรยึดรถเมล์เอ็นจีวี ของบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ที่ชนะการประมูลโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี จำนวน489 คัน  ไว้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี จำนวน 99 คัน  เนื่องจากมีปัญหาเรื่องภาษีนำเข้าที่กรมศุลกากรสังเกตว่า รถเมล์เอ็นจีวีล็อตนี้ อาจไม่ได้ประกอบอะไหล่จากประเทศมาเลเซียจริง ตามที่บริษัทเบสท์รินอ้าง



นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ระบุว่าบริษัทเป็นเพียงผู้นำเข้ารถเอ็นจีวี จากบริษัทซุปเปอร์ซาร่า จำกัด ของมาเลเซีย ที่เป็นบริษัทในเครือและมีหน้าที่นำเอกสารที่ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากมาเลเซีย นำส่งและยื่นสำแดงต่อเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร  และไม่ได้เป็นผู้จัดทำเอกสารรับรองถิ่นกำเนิดของรถเมล์ (ฟอร์มดี ) แต่กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศของมาเลเซียเป็นผู้จัดทำ อีกทั้ง โรงงานผู้ผลิตยืนยันว่าเอกสารฟอร์มดีเป็นของจริงประกอบกับบริษัทเบสท์ริน เคยใช้เอกสารดังกล่าวมาแล้ว จึงมั่นใจต่อเอกสารที่ยื่นกับกรมศุลกากร ทั้งนี้เตรียมยื่น ให้นำเงินโครงการที่กระทรวงการคลังต้องจ่ายให้บริษัทกว่า3พันล้านบาท มาใช้วางประกันเพื่อนำรถออกมาจากท่าเรือแหลมฉบัง หรือ หากตรวจสอบแล้วบริษัทเลี่ยงภาษีจริงก็ให้หักเงินในส่วนนี้ไปตามข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียนได้หรือไม่ 



ส่วนกรณีที่สังคมเกิดของสงสัยว่ารถเอ็นจีวี ไม่ได้ประกอบอะไหล่จากมาเลเซีย นั้น นายคณิสสร์ ยืนยันว่า บริษัททำสัญญาซื้อรถจากมาเลเซีย แต่บริษัทดังกล่าวจะมีวิธีการสั่งซื้อหรือจัดการอะไหล่อย่างไร ไม่ทราบ และไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ ซึ่งปกติทางการค้าจะไม่ระบุอยู่แล้วว่าอะไหล่มาจากที่ใด เพราะบริษัทให้ความสำคัญในส่วนสินค้าที่สั่งผลิตตรงตามสเปคหรือไม่  ซึ่งในเอกสารฟอร์มดีระบุชัดเจนว่ารถประกอบมาจากมาเลเซีย รวมถึง มั่นใจในความเข้มงวดของมาเลเซียที่ ให้ความสำคัญในเรื่องการผลิตรถยนต์ ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม(สมอ.) จากกระทรวงอุตสาหกรรมของไทยก็เคยเดินทางไปตรวจสอบมาตรฐานของโรงงานนี้มาแล้ว จนได้รับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมในการผลิตและใบอนุญาตให้นำผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาจำหน่ายในประเทศไทยได้ จึงอยากขอความเป็นธรรมที่กล่าวหา ว่าบริษัทมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเท่านั้น บริษัทไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ ต้องรอยืนยันความถูกต้องของเอกสารจากมาเลเซียก่อน รวมถึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดำเนินการให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว เพราะรถล็อตแรกจำนวน 99 คัน ทางบริษัทเสียค่าจอดประมาณ 300,000 บาท/วัน และเมื่อวานนี้รถล็อตที่ 2 จำนวน 145 คัน มาถึงท่าเรือแหลมฉบังแล้ว แต่ยังไม่ได้นำเข้าท่าเรือ เนื่องจาก หากมีการเข้าท่าเรือ และยังไม่สามารถนำรถออกมาได้ เพราะจะทำให้ทางบริษัทต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น



ขณะเดียวกันบริษัทเบสท์รินพยายามสอบถามไปที่ผู้ผลิตมาเลเซีย ถึงสาเหตุของปัญหา เพราะหากกรมศุลกากรไม่ปล่อยรถออกมา ก็ไม่สามารถส่งมอบให้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) ภายในวันที่29ธันวาคม ซึ่งบริษัทจะโดนปรับคันละ10,000บาท/วัน ดังนั้นต้องเร่งดำเนินการนำรถออกมาให้ได้ไม่เกิน 3 เดือน นับจากวันส่งมอบไม่งั้นจะถูกขสมก.ยกเลิกสัญญาได้

ข่าวทั้งหมด

X