หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)กล่าวถึงสำนักข่าวบีบีซี ประจำประเทศไทย เสนอข่าวเกี่ยวกับสถาบันว่า จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายในประเทศนั้นๆ อยู่แล้ว ซึ่งข่าวที่ออกมาก็มีนักข่าวไทยที่อยู่ในประเทศไทย ดังนั้นจะยกเว้นการดำเนินคดีไม่ได้ ซึ่งกฎหมายต่างๆ ก็มีอยู่แล้ว จึงอยากเตือนสื่อมวลชนให้ระมัดระวังในการนำเสนอข่าว และอย่ากระทำความผิด ให้เกิดความวุ่นวายสับสนแก่สังคม
ส่วนการดำเนินคดีกับพระเทพญาณมหามุนีหรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย นายกรัฐมนตรี ขอร้องสื่อมวลชนว่าอย่าไปขยายความ เพราะจะเป็นการให้ท้ายผู้กระทำความผิดและกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้อยากให้ผู้กระทำผิดออกมามอบตัว เพราะเป็นประเด็นไม่จบไม่สิ้น โดยมองว่าเป็นคดีทั่วไปที่คนกระทำความผิด ต้องถูกดำเนินคดี หากมีการจับกุมหรือหมายค้น สามารถทำได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง และไม่จำเป็นต้องประกาศแผนการจับกุมล่วงหน้า
นายกรัฐมนตรี ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่าจากการตรวจสอบเม็ดเงินและกองทุนในคดีดัวกล่าว ยังไม่ชัดเจนว่ามีความผิดอีกหรือ หากไม่ผิดก็ออกมาชี้แจง หรือมอบตัว ไม่ใช่การตั้งเงื่อนไขว่าถ้ามอบตัวต้องให้ประกันตัว เพราะการประกันตัวได้หรือไม่ได้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่
สำหรับ การควบคุมสถานบันเทิง นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสถานบันเทิงต่างๆอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะสถานบันเทิงที่ตั้งขึ้นหลังมีการออกมาตรา 44 รวมทั้งดูว่าสถานบันเทิงนั้นๆ ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎกติกาและอยู่ในกรอบที่ได้วางไว้หรือไม่ ทั้งนี้จะต้องไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อสังคมและกำชับเจ้าหน้าที่ไม่ให้ปล่อยปะละเลยในเรื่องนี้ นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงมาตรการการจัดการกับโรงแรมเถื่อน โดยได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างเคร่งครัด สิ่งสำคัญคือผู้บังคับใช้กฎหมายและผู้กระทำความผิด ที่จะต้องทำความเข้าใจร่วมกันทั้งสองฝ่าย และในขณะนี้รัฐบาล ก็กำลังหาวิธีการในการแก้ปัญหาใน สิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งจะต้องใช้ทางกฎหมาย และหลักการอื่นๆ มาประกอบกันด้วย