ซีเอ็นเอ็นรายงานว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของโลกคือ เฟซบุค, ทวิตเตอร์, ไมโคซอฟท์และยูทูปของบริษัทกูเกิลระบุในแถลงการณ์ร่วมว่าพวกเขาจะจัดตั้งฐานข้อมูล,แบ่งปันและลบข้อมูลที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับกลุ่มก่อการร้ายออกจากสื่อออนไลน์ ระบุว่าความร่วมมือกันนี้จะช่วยให้พวกเขาทราบความเคลื่อนไหว และลบภาพการใช้ความรุนแรง หรือคลิปวีดีโอประกาศรับสมัครสมาชิกใหม่ของกลุ่มก่อการร้ายออกจากระบบอินเตอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฐานข้อมูลดังกล่าวจะแสดงภาพลายนิ้วมือแบบดิจอตอลเมื่อมีการป้อนข้อมูลภาพและวีดีโอเช่นนั้นเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ต ช่วยให้บริษัทเทคโนโลยีดังกล่าวทราบทันทีว่า มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับการก่อการร้าย
ที่ผ่านมาบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอินเตอร์เน็ตดังกล่าวพยายามจะลบภาพและวีดีโอที่เกี่ยวข้องกับองค์กรก่อการ้ายออกจากสื่อออนไลน์ของพวกเขา โดยเฉพาะกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)มีความเชี่ยวชาญในการใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางการโฆษณาชวนเชื่อหรือประกาศรับสมัครสมาชิกใหม่ๆ ก่อนหน้านี้บริษัททวิตเตอร์ระบุเมื่อเดือนสิงหาคมว่าทวิตเตอร์ระงับบัญชีผู้ใช้235,000 บัญชีหลังการตรวจสอบพบว่าใช้เผยแพร่อุดมการณ์กลุ่มก่อการร้าย สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้ทวิตเตอร์บางราย ถึงขนาดมีคำขู่ฆ่าผู้ก่อตั้งเฟซบุคและทวิตเตอร์
ด้านรัฐบาลประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐฯระบุเมื่อเดือนกรกฏาคมว่าการสื่อสารผ่านบัญชีทวิตเตอร์ของกลุ่มไอเอสลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจะต้องแยกแยะให้ได้สัดส่วนที่ลงตัวระหว่างเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นและการเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ กับเรื่องการป้องกันการกระทำที่ผิดกฏหมาย นอกจากนั้น พวกเขาจะต้องวางแนวทางปฏิบัติให้ชัดเจนว่า อะไรคือสิ่งที่เรียกว่ามีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับกลุ่มก่อการร้าย/18.45 น.