สรุปข่าว 19.35 น.
+++ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กกร.ยอมรับว่า มีความกังวลอัตราการเติบโตเศรษฐกิจปี 59 อาจไม่สามารถขยายตัวได้ตามกรอบเป้าหมายที่วางไว้ ร้อยละ 3.3-3.5 เนื่องจากการส่งออกเดือน ต.ค. 59 ติดลบร้อยละ 4.2 ทำให้ 10 เดือน ภาคการส่งออกติดลบร้อยละ 1 อีกทั้งไตรมาส 4 นี้ ยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยได้รับแรงฉุดทั้งภายในและนอกประเทศ แต่เรายังคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะเป็นไปตามกรอบที่วางไว้ โดยต้องติดตามการส่งออกช่วง 2 เดือนที่เหลือ และรัฐบาลเองยังเร่งเบิกจ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงเป้าหมายว่าส่งออกปีนี้จะอยู่ในกรอบ ร้อยละ 0-ติดลบร้อยละ 1
ส่วนผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย กกร.ได้ประเมินภาวะการขยายตัวผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 60 คาดว่า ขยายตัว ร้อยละ 3.5 – 4 โดยคาดหวังว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น มาตรการลดหย่อนภาษีกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย หรือช็อปช่วยชาติ , ค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยว หักลดหย่อนภาษีได้ 30,000 ล้านบาท คาดว่า มีเงินหมุนเวียนในระบบ 30,000 – 40,000 ล้านบาท,การออกพันธบัตรวงเงิน 100,000 ล้านบาท เพื่อนำวงเงินใช้จัดสรรงบเพิ่มเติมให้กับกลุ่มจังหวัดต่างๆ , การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ,การท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง, ราคาน้ำมันปรับขึ้นส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น
+++ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ต่อร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมืองนายอุดม รัฐอมฤต โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยว่า กรธ.ได้ขอความร่วมมือจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อร่าง พ.ร.ป.ในช่วงเดือน พ.ย. ประชาชน ร้อยละ 91.4 เห็นด้วยกับการกำหนดให้ผู้สมัครพรรคการเมืองใด ที่มีการทุจริตการเลือกตั้งและกรรมการบริหารพรรคนั้น มีส่วนรู้เห็น เมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้กรรมการบริหารพรรค ถูกเพิกถอนสิทธิในการเลือกตั้งและเพิกถอนสิทธิในการลงสมัครรับเลือกตั้งด้วย ส่วนร้อยละ 16.1 ไม่เห็นด้วย
++++ส่วนในวันพรุ่งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (7 ธ.ค.) เวลา 13.00 น. ที่ห้องสารนิเทศ อาคารรัฐสภา 1 ชั้น 1 กรธ.ได้นัดพบสื่อมวลชนเพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ฉบับที่ กรธ.จัดทำแล้วเสร็จเบื้องต้น ก่อนการเผยแพร่ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ และในวันที่ 14 ธ.ค.เวลา 13.30 - 16.00 น.นั้น กรธ.จะเปิดเวทีชี้แจงกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมือง ที่ห้องประชุมรัชนี สโมสรสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ถ.พิชัย เขตดุสิต กทม.
++++นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และกรรมาธิการวิสามัญกิจการสนช. กล่าวถึงกรณีที่นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสปท.ระบุว่ามีการล็อบบี้สมาชิกสนช.เพื่อให้คว่ำร่าง พ.ร.บ.แร่ พ.ศ...ที่คณะกรรมาธิการฯพิจารณาเสร็จแล้ว ว่า ร่างพ.ร.บ.แร่ อยู่ในวาระการประชุมของสนช.แล้วในสัปดาห์ที่แล้วแต่เนื่องจากประธานและรองประธาน สนช.ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมติดภารกิจสำคัญจึงต้องเลิกประชุมเร็วในวันพฤหัสบดีและงดประชุมในวันศุกร์ ทำให้วาระดังกล่าวต้องมาพิจารณาในวันพฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค.นี้ ดังนั้นที่มีการกล่าวหาว่ามีการเลื่อนระเบียบวาระดังกล่าวออกไปเพื่อให้ถอนร่างนั้นออกจึงไม่เป็นความจริง เพราะตนอยู่ในวิปสนช.ทราบดีว่าต้องเลื่อนวาระเพราะได้ตกลงกันไว้แล้ว ส่วนกรณีที่มีข่าวล็อบบี้สนช.ให้คว่ำร่างนั้น สำหรับตนไม่มีใครล็อบบี้ แต่เท่าที่ดูกฎหมายซึ่งมีเกือบ 200 มาตรา โดยแก้ไขในชั้นกรรมาธิการค่อนข้างมากเกือบทุกมาตรา ซึ่งตนอ่านมาถึง 4 รอบ แม้จะมีจุดอ่อนบ้างแต่ก็ถือว่าแก้ไขได้ดีพอสมควร ขณะที่นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แร่ ปฏิเสธที่แสดงความคิดเห็น
+++หลังการแถลงข่าวของนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตสส.พรรคประชาธัตย์ เพื่อกล่าวหา การประปาส่วนภูมิภาค หลายครั้งว่ามีการทุจริตในการดำเนินโครงการต่าง ๆ นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค หรือ กปภ. เปิดเผยว่า เพื่อความเป็นกลาง และยุติธรรม ปราศจากการลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง กปภ. ได้เชิญ นายณัฐจักร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา มาเป็นประธานคณะทำงาน ในการสอบสวนหาข้อเท็จริง กรณีที่ถูกกล่าวหา พ้อม อัยการอีก 2 คน โดยมีนายสุรชัย เล็บสิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายของกปภ.เป็นเลขานุการของคณะทำงาน โดย กปภ. ให้ความสำคัญ กับนโยบายป้องกันและปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น โดยมีระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดี พร้อมระบบตรวจสอบภายในที่เป็นอิสระเป็นมาตรฐานภายในการควบคุม สอบทางของคณะกรรมการตรวจสอบที่แต่งตั้งขึ้น นายเสรี ยอมรับ ว่าทุกองค์กร มีคนดีและไม่ดี แต่กปภ. จะไม่ยอมให้คนไม่ดีมาบริหารองค์กร และจะสนับสนุน คนดีเข้ามาทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน
+++ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง องค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน นัดพิจารณาคดีครั้งแรก ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นคำร้อง ขอให้ศาลวินิจฉัยกรณีกล่าวหา นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก อดีตที่ปรึกษา รมช.เกษตรและสหกรณ์ ปี 2556 ผู้คัดค้าน จงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินฯ ที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ม.119 โดย นายยศวริศ ผู้คัดค้านเดินทางมาพร้อมกับทนายความ และได้แถลงให้การรับสารภาพต่อศาล ต่อมาศาลจึงมีคำพิพากษาให้จำคุก นายยศวริศ เป็นเวลา 2 เดือน ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท โดยโทษจำคุกนั้นให้รอการลงโทษเป็นเวลา 1 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา และพิพากษาห้ามนายยศวริศ ผู้คัดค้าน ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี สำหรับ นายยศวริศ หรือ เจ๋ง ดอกจิก งถูกอัยการยื่นฟ้องคดีหมิ่นเบื้องสูง จากการขึ้นปราศรัยเวที นปช. ปี พ.ศ. 2553 ด้วย โดยศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาฎีกา ในวันที่ 15 ธ.ค. นี้เวลา 09.00 น. ซึ่ง นายยศวริศ ได้ประกันตัวระหว่างฎีกา 700,000 บาท ก่อนหน้านี้ ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษา เมื่อปี พ.ศ. 2557 ยืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวกในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ว่า นายมัตเตโอ เรนซี นายกรัฐมนตรีอิตาลีประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังจากผลการลงประชามติบ่งชี้ว่าประชาชนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศดัชนีนิกเกอิปิดบวก 85.55 จุด แตะที่ 18,360.54 จุด
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขานรับรายงานที่ระบุว่าภาคบริการของสหรัฐมีการขยายตัวที่แข็งแกร่งในเดือนพ.ย. ดัชนีฮั่งเส็งเพิ่มขึ้น 169.60 จุด ปิดวันนี้ที่ 22,675.15 จุด
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,516.48 จุด เพิ่มขึ้น 14.82 จุด มูลค่าการซื้อขาย 39,692 ล้านบาท ช่วงบ่ายหุ้นบวกขึ้นร้อนแรงนำโดยหุ้นใหญ่กลุ่มพลังงาน คาดว่าจะเป็นเม็ดเงินทุนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้เข้ามาช่วยประคองภาพรวมตลาด ซึ่งจะเห็นได้ว่าหุ้นใหญ่ก็ฟื้นขึ้นทั้ง SCC และ AOT ขณะที่ภายนอกยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา