นายกรัฐมนตรี เผย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบันสานต่อ"ศาสตร์พระราชา"ของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9

02 ธันวาคม 2559, 21:33น.


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. กล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ว่า กว่า 7 ศตวรรษ ที่ไทยมีเสถียรภาพและความมั่นคงด้วยมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหลักชัย คนไทยมีความสงบสุข ร่มเย็น ภายใต้พระบรมโพธิสมภารแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงครองแผ่นดินโดยทรงตั้งมั่นใน "ทศพิธราชธรรม" เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยามอย่างแท้จริง ตามที่ทรงตั้งพระราชสัตยาธิษฐานไว้ ตลอดรัชสมัยของพระองค์ บัดนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งทรงได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากสมเด็จพระบรมชนกนาถโปรดเกล้าฯ สถาปนาและทรงสถิตอยู่ในพระราชสถานะองค์พระรัชทายาทมากว่า 44 ปี ทรงพระกรุณา "รับ" คำกราบบังคมทูลอัญเชิญขึ้นทรงราชย์ เป็น "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เพื่อทรงสืบสานพระราชปณิธาน และทรงเจริญรอยตามพระยุคลบาท ในการสานต่อ "ศาสตร์พระราชา" ของในหลวง รัชกาลที่ 9 ให้ยังคงอยู่คู่แผ่นดินไทยสืบไป จึงขอให้เราทุกคนจงร่วมกันตั้งจิตอธิษฐาน ขอพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้โปรดสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ให้ทรงพระเจริญ สถิตเป็นมิ่งขวัญปกเกล้าปกกระหม่อมอาณาประชาราษฎร์ชาวไทย รวมทั้งทรงพัฒนาประเทศไทย ภายใต้การปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จนประสบความสำเร็จบังเกิดความเจริญรุ่งเรือง มีสันติสุขและความสามัคคีปรองดอง สมดังพระราชปณิธานปรารถนา ตราบกาลนานเทอญ



หลายปีที่ผ่านมา โครงการในพระราชานุเคราะห์ และโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีมากมายหลายโครงการ ที่ทรงเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท ที่น้อมนำ "ศาสตร์พระราชา" แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ไปขยายผลล้วนเป็นคุณประโยชน์ต่อพสกนิกรทุกพื้นที่ของประเทศ อาทิ โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ซึ่งได้รับพระราชทานพระราชานุญาตอัญเชิญพระนามาภิไธยย่อไว้ในเครื่องหมายตราสัญลักษณ์โครงการ เป็นโครงการที่ให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีการเกษตรหรือนวัตกรรมที่เหมาะสม ช่วยเพิ่มผลผลิต สร้างความเชื่อมโยงระหว่างองค์กรวิจัยและพัฒนาภาคการเกษตร กับกลุ่มเกษตรกรเป้าหมาย ให้ความรู้และบริการทางวิชาการใหม่ๆ สามารถตอบสนองความต้องการและทันเหตุการณ์มีกิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ ยกตัวอย่าง 8 คลินิกช่วยเกษตรกร ครบวงจร 1. คลินิกพืช ช่วยแก้ปัญหาโรคและแมลงศัตรูพืช วัชพืช สารพิษตกค้างและการขาดธาตุอาหารพืช และวัตถุมีพิษทางการเกษตร 2. คลินิกดิน ช่วยวิเคราะห์และตรวจสอบดินและปุ๋ย 3. คลินิกสัตว์ ช่วยแก้ปัญหาโรคสัตว์ ด้วยการตรวจรักษาพยาบาล ควบคุมบำบัด และให้ฉีดวัคซีนแก่ปศุสัตว์ 4. คลินิกประมง เผยแพร่องค์ความรู้ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมทั้งการแก้ปัญหาโรคสัตว์น้ำ และการปรับปรุงคุณภาพน้ำ 5. คลินิกบัญชี ให้คำแนะนำและส่งเสริมการจัดทำบัญชีฟาร์ม เพื่อการบริหารจัดการที่ดี 6. คลินิกชลประทาน ให้ความรู้และหลักวิชาการเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ 7. คลินิกสหกรณ์ ที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มเกษตรกร ในการรวมกันเป็นสหกรณ์ และ 8. คลินิกกฎหมาย ที่ดำเนินงานด้านกฎหมายที่ดิน เป็นต้น



 นอกจากนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ได้เคยพระราชทานที่ดินส่วนพระองค์ ในพื้นที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ จำนวน 1,350 ไร่ ให้กระทรวงเกษตรฯ ดำเนินการในลักษณะคลินิกเกษตรเพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยและเทคโนโลยีการเกษตรจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 แบ่งพื้นที่ ร้อยละ 70 เป็นพื้นที่ป่าไม้ใช้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยววนเกษตร และพื้นที่ส่วนอื่นๆ ที่เหลือใช้ตั้งศูนย์เรียนรู้ พื้นที่ทรงงานและแปลงสาธิต เพื่อการพัฒนาการเกษตรแบบครบวงจร ทั้งการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ การฟื้นฟูปรับปรุงดิน การพัฒนาแหล่งน้ำ การส่งเสริมอาชีพ และธนาคารอาหารชุมชน โดยฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และอนุรักษ์แหล่งต้นน้ำลำธารใช้เป็นแหล่งรวบรวมพัฒนาพืชสมุนไพร และเป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติให้ชุมชน จนปัจจุบันเป็นศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีชุมชนใช้ฝึกอบรมและวิจัยพัฒนาการเกษตร เช่น การเพาะชำกล้าไม้โตเร็วเพื่อแจกจ่ายให้ราษฎรนำไปปลูกป่า "ไม้ใช้สอย ไม้โตเร็ว” ใช้เป็นถ่าน ฟืนหุงต้มอาหาร ควบคู่การส่งเสริมใช้เชื้อเพลิงชีวมวล และวัสดุเชื้อเพลิงอื่นๆ เป็นการปลูกป่าในใจคน เพื่อปลูกจิตสำนึกอนุรักษ์



นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ส่วนพระราชกรณียกิจด้านการยกระดับคุณภาพชีวิตชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ชาวประมง ซึ่งเป็นอาชีพหลักของชนชาวไทยแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ ทรงให้ความสำคัญกับด้านการศึกษา ทรงมีพระราชดำริให้ดำเนินการ "โครงการทุนการศึกษา" มุ่งสร้างความรู้ สร้างโอกาสแก่เยาวชนไทยที่มีฐานะยากจน ลำบาก แต่ประพฤติดีให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่มั่นคงต่อเนื่อง ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม ผ่าน "มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร" (ม.ท.ศ.) ทรงมีพระราชดำริที่คัดสรร และกลั่นกรองนักเรียนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ทั้งสายสามัญและสายอาชีพ จนจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีตามความสามารถ และความต้องการของผู้เรียน โดยกระจายทุนในทุกจังหวัดอย่างเท่าเทียมระหว่างเพศของผู้รับพระราชทานทุน ปัจจุบันมีนักเรียนได้รับโอกาสทางการศึกษาต่อเนื่องนี้กว่า 1,000 คน.  



อ่านรายละเอียด



http://www.thaigov.go.th/index.php/th/program2/item/109391-id-109391        

ข่าวทั้งหมด

X