+++รัฐบาลหลายประเทศเตือนพลเรือนของตัวเองในอินโดนีเซีย ให้หลีกเลี่ยงการชุมนุมใหญ่ต่อต้านนายบาสุกี จาฮาจา ปูร์นามา ผู้ว่าการกรุงจาการ์ตาเชื้อสายจีนที่ถูกกล่าวหาว่าดูหมิ่นคัมภีร์อัลกุรอ่าน ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์นี้ เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นเหตุรุนแรง สถานทูตสหรัฐฯในอินโดนีเซีย เตือนว่า การชุมนุมที่เจตนาให้เป็นไปอย่างสันติก็อาจกลายเป็นการเผชิญหน้าและลุกลามกลายเป็นเหตุรุนแรงได้ กลุ่มสุดโต่งบางกลุ่มอาจฉวยโอกาสใช้การชุมนุมวันที่ 2 ธันวาคมยุยงหรือก่อเหตุรุนแรง จึงขอให้ชาวอเมริกันหลีกเลี่ยงการชุมนุม
+++ขณะที่ รัฐบาลออสเตรเลีย เตือนชาวออสเตรเลียว่า ขอให้หลีกเลี่ยงการชุมนุมทุกอย่างเพราะอาจกลายเป็นเหตุรุนแรง ขอให้ใช้ความระมัดระวังอย่างสูงและตระหนักเรื่องความปลอดภัย
+++ทางการอินโดนีเซีย จะส่งทหารและตำรวจไม่ต่ำกว่า 20,000 นาย รักษาความเรียบร้อยการชุมนุมในกรุงจาการ์ตาวันนี้ คาดว่าจะมีคนมากถึง 1 แสน 50,000 คน มากกว่าการชุมนุมเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่มีคนประมาณ 1 แสนคน ซึ่งเกิดเหตุรุนแรงช่วงดึก มีผู้เสียชีวิต 1 คน และมีผู้บาดเจ็บหลายร้อยคนจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่
ทางการและผู้นำศาสนาตกลงจะจำกัดพื้นที่การชุมนุมวันนี้ให้อยู่เฉพาะในสวนสาธารณะรอบอนุสาวรีย์แห่งชาติ และต้องสลายตัวภายในเวลา 13.00 น.
+++นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวในระหว่างเป็นประธานการประชุมใหญ่ประจำปี พรรคมลายูสามัคคีแห่งชาติ (อัมโน) แกนหลัก 13 พรรครัฐบาลผสมในนามแนวร่วมแห่งชาติ (บีเอ็น) ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ว่า มาเลเซียจะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ในเร็วๆ นี้ นับเป็นครั้งแรกที่นายนาจิบส่งสัญญาณการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ ซึ่งยังไม่ถึงเวลาจนกว่าจะถึงกลางปี พ.ศ. 2561 อาจจะมีขึ้นก่อนกำหนด
+++ด้านนายรุสลี เบดอล ตัวแทนพรรคอัมโนจากรัฐยะโฮร์ ทางภาคใต้ เปิดเผยว่า พรรคอัมโน เริ่มเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่แล้ว และหลายคนในพรรคคาดว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในอีก 6 เดือนข้างหน้า
+++สถานการณ์การประท้วงที่เมียนมาร์ปราบปรามชาวโรฮิงญา นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก ประณามการใช้ความรุนแรงกับพี่น้องมุสลิมโรฮิงญาในเมียนมาร์ พร้อมประกาศว่ารัฐบาลมาเลเซียจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ยังจะเข้าร่วมการชุมนุมในวันอาทิตย์นี้ประท้วงการใช้ความรุนแรงกับชาวโรฮิงญาด้วย
+++ล่าสุดมาเลเซีย ยกเลิกการแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตรทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 22 ปีกับเมียนมาร์อย่างกะทันหัน สมาคมฟุตบอลทีมชาติมาเลเซีย แถลงสั้น ๆ ทางทวีตเตอร์ว่า ได้ยกเลิกการแข่งขันนัดวันที่ 9 ธันวาคมและ 12 ธันวาคมที่เมืองย่างกุ้งของเมียนมาร์ แต่ไม่ได้ให้เหตุผล
+++สำนักข่าวเอเอฟพี อ้างเจ้าหน้าที่การกีฬาระดับอาวุโสคนหนึ่งของมาเลเซียว่า เป็นการตัดสินใจทางการเมือง มาเลเซียวิจารณ์เมียนมาร์เรื่องโรฮิงญามากขึ้น รัฐบาลมาเลเซียถึงกับออกแถลงการณ์ประณามเมื่อสัปดาห์ก่อน ผิดวิสัยสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่มีนโยบายไม่แทรกแซงกิจการภายในของชาติสมาชิกอื่น
+++ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย เปิดเผยในการแถลงประจำปีต่อรัฐสภาในทำเนียบเครมลิน กรุงมอสโกว์และต่อประชาชนทั่วประเทศว่า รัสเซียไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งกับใคร รัสเซียต้องการมิตรมากกว่า แต่รัสเซียจะไม่ยอมปล่อยให้ประเทศอื่นสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์แห่งชาติของรัสเซีย ยืนยันว่า รัฐบาลรัสเซีย พร้อมจะทำงานร่วมกับรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯในการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายสากล เป็นเรื่องสำคัญที่รัสเซียและสหรัฐฯจะปรับความสัมพันธ์ให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็วและเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์แบบทวิภาคีบนพื้นฐานแห่งความเท่าเทียมและผลประโยชน์ร่วมกัน
+++ ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส กล่าวผ่านการถ่ายทอดสดทางทีวี จากทำเนียบเอลีเซ่ ในกรุงปารีส ยืนยันว่าตัดสินใจที่จะไม่ลงแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ในการเลือกตั้งที่กำหนดมีขึ้นในเดือน เม.ย. ปีหน้า การตัดสินใจของนายออลลองด์วัย 62 ปี ดูเหมือนจะเป็นการยอมรับต่อโพลสำรวจ ซึ่งคะแนนนิยมของเขาตกต่ำเป็นประวัติการณ์ หลังจากครองอำนาจอย่างยากลำบากมา 5 ปี และเป็นการเปิดทางแก่ผู้สมัครของพรรคสังคมนิยมอีกหลายคน ก่อนการหยั่งเสียงขั้นต้น เพื่อชิงเป็นตัวแทนพรรคฝ่ายซ้าย ในเดือน ม.ค. ที่จะถึง
+++โพลสำรวจล่าสุดเมื่อวันพุธ 30 พ.ย. ทำนายว่า นายออลลองด์จะได้คะแนนเสียงสนับสนุนเพียงแค่ร้อยละ 7.0 ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส 2017 รอบแรกในวันที่ 23 เม.ย. การตัดสินใจของนายออลลองด์ ทำให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกของฝรั่งเศส ในรอบหลายสิบปี ที่ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีต่ออีกสมัย
+++หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว เป็นครั้งแรกในรอบปีที่ประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซานโตสและนายโรดริโก ลอนโดโน ผู้นำกลุ่มกบฏฟาร์กของโคลอมเบียลงนามในข้อตกลงสันติภาพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยุติสงคราม 52 ปี ยาวนานที่สุดในละตินอเมริกา มีคนเสียชีวิตราว 220,000 คน ประชาชนราว 5 ล้านคนไร้ที่อยู่อาศัย ล่าสุด ซีเอ็นเอ็น รายงานว่าวุฒิสภาของโคลอมเบีย อนุมัติข้อตกลงสันติภาพครั้งประวัติศาสตร์ที่จะนำไปสู่การปลดอาวุธของกบฏฟาร์ก การโหวตของสภาด้วยคะแนน 130-0 เสียง มีขึ้นหลังการอภิปรายนาน 11 ชม.ก่อนหน้านี้สภาผู้แทนราษฏรของโคลอมเบียได้อนุมัติข้อตกลงที่แก้ไขใหม่ระหว่างรัฐบาลกับกบฏฟาร์ก เมื่อวันพุธ ตามกฎหมายนี้ กบฏฟาร์กมีเวลา 150 วันที่จะปลดอาวุธ
แฟ้มภาพ REUTERS