+++นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ข้อปฎิบัติภายหลังประธานสภานิติบัญญัติเข้าเฝ้าฯเพื่อกราบบังคมทูลเชิญขึ้นทรงราชย์ และมีประกาศให้ประชาชนทราบอย่างเป็นทางการในวันนี้ ว่า ประชาชนยังใช้ชีวิตตามปกติและถวายบังคมพระบรมศพได้ ทุกอย่างยังเหมือนเดิมทั้งสิ้น เพราะเป็นพระราชบัณฑูรมาตั้งแต่ 1 เดือนที่แล้วว่า ให้ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ ด้วยความที่ทรงอ่อนน้อมถ่อมพระองค์ในทุกเรื่อง ทั้งทรงเป็นพระราชโอรส และทรงเป็นทั้งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
+++สำหรับหน่วยงานราชการ เอกชน ประชาชนทั้งประเทศ ที่จะประดับพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ช่วงเวลานี้ขอให้อยู่อย่างสงบตามปกติ และรอฟังการประกาศจากรัฐบาลที่จะประชุมหารือถึงวิธีการในเรื่องดังกล่าวและจะออกเป็นประกาศให้ส่วนราชการต่างๆได้รับทราบ ทั้งวิธีการใช้ถ้อยคำเรียก คำศัพท์ ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง ขณะนี้ผู้ที่เตรียมการเรื่องดังกล่าวกำลังดำเนินการอยู่และจะประกาศเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ให้รอฟังประกาศจากทางราชการ อย่าไปฟังข่าวลือหรือข่าวที่แต่งกันขึ้นมาเอง ส่วนผู้ที่คิดจะทำกิจกรรมเรื่องใดขอให้รอก่อน
+++นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้หอจดหมายเหตุแห่งชาติ รวบรวมภาพพระราชประวัติและภาพพระราชกรณียกิจ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มาให้บริการในเว็บไซต์ของสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ (www.finearts.go.th/nat) เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาค้นคว้า รวมถึงสามารถดาวน์โหลดนำไปใช้ประโยชน์ จากการรายงานพบว่า มีประชาชนและหน่วยงานต่างๆเข้าชมและดาวน์โหลดภาพพระราชประวัติ ภาพพระราชกรณียกิจ กว่า 102,521 ครั้ง
+++ขณะเดียวกัน สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ได้อัพโหลดภาพขึ้นเว็บไซต์ เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาค้นคว้า โดยแบ่งเป็นหมวดต่างๆ 1.ประมวลภาพเหตุการณ์เกี่ยวกับงานพระราชพิธีพระบรมศพ ซึ่งขณะนี้มีภาพทั้งหมด 1,142 ภาพ 2.ภาพพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีภาพทั้งหมด 1,568 ภาพ 3.ภาพพระราชประวัติ กว่า 100 ภาพ 4.พระสุรเสียง และพระบรมราโชวาทและพระราชดำริ กว่า 100 ไฟล์ และ เพลงพระราชนิพนธ์ 48 เพลง
+++เจ้าหน้าที่สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร (กทม.) นำแผงเหล็กวางกั้นแบ่งพื้นที่บริเวณภายในโซนทิศเหนือ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยภายในเต็นท์จุดพักคอยทั้ง 8 เต็นท์ มีการจัดเรียงเก้าอี้ 12แถวตอนลึก กว่า 20,000ตัว พร้อมติดตั้งทีวีและพัดลม กิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่ง( Big Cleaning) ทำดี เพื่อพ่อ ได้ทำความสะอาดบริเวณภายในท้องสนามหลวงแล้วเสร็จทั้งหมด เหลือเพียงตรวจเช็คระบบสาธารณูปโภค ทั้งห้องสุขา ไฟฟ้า ประปา ตลอดจนกล้องซีซีทีวี ให้พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา คืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 80
+++สำหรับกิจกรรมวันพรุ่งนี้ (2 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดในพื้นที่บางส่วน บริเวณถนนราชดำเนิน พร้อมทดสอบระบบสาธารณูปโภคอีกครั้ง
+++น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการด้านการวิจัยและคำปรึกษาระหว่างประเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) คาดว่า จีดีพีปีนี้ขยายตัวร้อยละ 3 แม้การท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมาย แต่ภาพการส่งออกของไทยดีกว่าที่คาด ส่วนจีดีพีไทยปีหน้า ขยายตัวดีขึ้นประมาณร้อยละ 3.2 โดยมีการลงทุนภาครัฐ เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปีหน้า และการท่องเที่ยวกลับมาขยายตัวร้อยละ 5-7 ส่วนมาตรการลดหย่อนภาษีมีผลบวกต่อจีดีพีไม่ถึงร้อยละ 1 เพราะมูลค่าที่นำมาหักลดหย่อนไม่สูงมาก
+++การลงทุนตลาดหุ้นไทยวันที่ 1 ธ.ค. เคลื่อนไหวในแดนบวกสดใส รับอานิสงส์จากการประชุมกลุ่มโอเปกที่บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมัน ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับเพิ่มขึ้น แต่ยังคงต้องติดตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ยังแข็งค่า และค่าเงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อย จะกระทบต่อเงินทุนต่างชาติไหลออกอีกครั้ง ส่งผลให้ปิดตลาดที่ 1,512.38 จุด เพิ่มขึ้น 2.14 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 62,216.27 ล้านบาท
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากกลุ่มโอเปกบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมันลงสู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมที่ระดับ 33.8 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นการปรับลดกำลังการผลิตครั้งแรกในรอบ 8 ปี
+++ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในปีนี้ เพิ่มขึ้น 204.64 จุด ปิดที่ 18,513.12 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 2558
+++หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ นำตัว นายกฤษณะ อมิตรสูญ และพวกอีก 3 คน มาฝากขังยังศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในคดีร่วมกันทำร้าย นายอิศราชนุวัฒภ์ วรรคาวิสันต์ โดยทนายความได้เตรียมยื่นขอประกันตัว โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด วงเงินคนละ 1 แสน 50,000 บาท ขณะที่ พนักงานสอบสวน ได้ยื่นคัดค้านการประกันตัวท้ายสำนวน
+++ล่าสุด ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ได้พิจารณาอนุญาตให้ประกันตัว บอล กฤษณะ พร้อมพวกแล้ว ทั้งนี้ เพราะศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีมีอัตราโทษอย่างสูงไม่เกิน 10 ปี และไม่มีพฤติการณ์ว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือก่อเหตุร้ายประการอื่น นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังได้ยื่นหลักประกันเป็นเงินสดคนละ 200,000 บาท ซึ่งหลักประกันมีความน่าเชื่อถือ จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีเงื่อนไขว่าห้ามผู้ต้องหาไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือก่อเหตุร้ายประการอื่น และห้ามผู้ต้องหาเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ต้องแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองก่อนปล่อยตัว
+++ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า 4 คนที่จะต้องขึ้นเครื่องบินที่ตกในโคลอมเบียเมื่อคืนวันจันทร์ ที่มีคนเสียชีวิต 71 ศพ มีคนรอดชีวิต 6 คน เปิดเผยถึงเหตุผลในการเปลี่ยนแผนเดินทางในนาทีสุดท้ายทำให้พวกเขาไม่ได้เดินทางร่วมกับเที่ยวบิน 2933 ของสายการบินลาเมียแอร์ไลน์ของโบลิเวียที่บรรทุกทีมฟุตบอลสโมสรชาเปโกเอนเซของบราซิล เดินทางไปเตะชิงแชมป์ถ้วยระดับทวีป นัดเยือนกับทีมแอตเลติโก นาซิอองนาล ของโคลอมเบีย ตามกำหนดจะลงเตะเมื่อวานนี้
+++ผู้ที่ไม่ได้ขึ้นเครื่องบินทั้ง 4 รายคือนายเกลสัน เมริซิโอ วัย 50 ปี สมาชิกนิติบัญญัติแห่งชาติจากรัฐซานตากาตารีนา ทางภาคใต้ของประเทศ และเป็นแฟนบอลที่เหนียวแน่นคนหนึ่งของทีม ตอนแรกวางแผนจะเดินทางไปพร้อมกับทีม แต่เปลี่ยนแผนเดินทางเนื่องจากงานยุ่งมากในสัปดาห์นี้ ต่อมาหลังทราบว่าเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตก เขาได้เดินทางไปยังสนามฟุตบอลของสโมสรในเมืองชาเปโค เพื่อร่วมแสดงความไว้อาลัยบรรดานักเตะที่เสียชีวิต
+++สำหรับรายที่ 2 คือนายอิวาน คาร์ลอส อักโนเลตโต นักข่าว กล่าวว่าเขาสละที่นั่งให้กับเพื่อนนักข่าวคือนายเกลสัน กัลลิอ็อตโต ซึ่งใฝ่ฝันอยากจะเดินทางไปทำรายงานข่าวการแข่งขันฟุตบอลรายใหญ่ๆในนัดชิงชนะเลิศเช่นนี้ เขาคิดว่าการที่เขาพลาดไม่ได้เดินทางไปพร้อมกับทีมครั้งนี้เพราะพระเจ้าช่วยให้เขารอดชีวิต นายอักโนเลตโต กล่าวว่าเขาไม่ทราบข่าวเรื่องเครื่องบินตกจนกระทั่งภริยาของเขารับโทรศัพท์จากเพื่อนหลายคนที่โทรศัพท์ไปแสดงความเสียใจเพราะเข้าใจผิดว่าสามีของเธอเสียชีวิตแล้ว นายอักโนเลตโต จึงเปิดโทรทัศน์ดูข่าว จึงทราบข่าวร้ายนั้น รายที่ 3 คือนายลูเซียโน บูลิกอน นายกเทศมนตรีเมืองชาเปโค และคนที่ 4 คือนายฟลินิโอ เดวิด เดอ เนส ฟิลโฮ ประธานกรรมการบริหารของสโมสร ไม่ได้ขึ้นเครื่องบินไปพร้อมกับทีมเนื่องจากติดประชุมในเมืองเซาเปาโล ระบุว่านับเป็นข่าวที่น่าเศร้าใจมากที่สุดสำหรับชาวเมืองชาเปโค ทั้งๆที่ช่วงนี้ควรจะเป็นช่วงการฉลองชัยชนะของทีม
+++สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้ รายงานอ้างเจ้าหน้าที่ดับเพลิงในเมืองกูมิ ห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 261 กม.ว่า ตำรวจได้จับกุมชายวัย 48 ปีคนหนึ่งเพื่อสอบปากคำหลังต้องสงสัยว่า วางเพลิงเผาบ้านเกิดในเมืองกูมิของอดีตประธานาธิบดีปัก ชุงฮี บิดาผู้ล่วงลับแล้วของประธานาธิบดีปัก กึนเฮ ผู้นำคนปัจจุบัน เหตุเกิดเมื่อเวลา 15.15 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ แต่ทีมดับเพลิงสามารถดับไฟได้ใน 10 นาที เบื้องต้นไม่มีรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่บริเวณหอรำลึกที่จัดแสดงรูปภาพต่างๆของอดีตผู้นำถูกไฟไหม้เสียหาย
+++สำหรับชายต้องสงสัยดังกล่าวมาจากเมืองเซวอนทางภาคใต้ของกรุงโซล สำหรับอดีตประธานาธิบดีปัก ชุงฮี เคยบริหารประเทศมา 18 ปี หลังการยึดอำนาจของกองทัพเมื่อปี 2504 เขาถูกลอบสังหารเมื่อปี 2522 กลุ่มผู้คัดค้านกล่าวหาเขาว่าใช้กำลังปราบปรามนักเคลื่อนไหวประชาธิปไตย แต่กลุ่มผู้สนับสนุนยกย่องว่าริเริ่มโครงการพัฒนาให้เศรษฐกิจของเกาหลีใต้เติบโตอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีปัก กึนเฮ เผชิญกับวิกฤติครั้งใหญ่ที่สุดในอาชีพนักการเมือง หลังเกิดเรื่องอื้อฉาวกรณีเพื่อนสนิทเข้ามาวุ่นวายกับการบริหารงานของรัฐบาลและใช้อิทธิพลเรียกรับประโยชน์เพื่อส่วนตัว ในช่วงนี้สมาชิกรัฐสภาของเกาหลีใต้อยู่ระหว่างการผลักดันให้มีการไต่สวนถอนถอนเธอออกจากตำแหน่ง
แฟ้มภาพ