บรรยากาศที่บริเวณท้องสนามหลวงในช่วงบ่ายแม้จะมีอากาศร้อนแต่ประชาชนยังทยอยเดินทางเข้ามาที่ท้องสนามหลวงเพื่อรอเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ อย่างไม่ท้อ หนึ่งในจำนวนประชาชนที่เดินทางมีนายชิติ เจริญรัตนประภา อายุ 60 ปี ที่ป่วยเป็นโรคท้าวแสนปม ซึ่งเดินทางมาจาก อ.เบตง จ.ยะลา โดยมีกระทรวงมหาดไทยคอยอำนวยความสะดวก พร้อมระบุว่าซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทำเพื่อประชาชนชาวไทยและทรงงานหนักมาโดยตลอด และไม่มีความเหน็ดเหนื่อยในการทรงงานเพื่อประชาชน เป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเกิดวิกฤติใดๆ ขึ้นในประเทศไทยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ก็จะทรงคลี่คลายวิกฤติที่เกิดขึ้นได้ทุกครั้ง อีกทั้งยังมีโครงการในพระราชดำริมากกว่า 4,000 โครงการ ทั้งนี้ อยากฝากถึงประชาชนชาวไทยให้มีความรักความสามัคคีกันอย่างที่พระองค์อยากให้คนไทยรักกัน โดยเฉพาะกรณีเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ตัวเองอาศัยอยู่อยากให้เกิดความสงบ โดยน้อมนำหลักคิดพระราชทานเพื่อแก้ไขปัญหาคือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา มาใช้ เพื่อให้ประเทศไทยเกิดความสงบสุขดังเดิม โดยส่วนตัวได้น้อมนำพระราชปณิธานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการดำรงชีวิต
นอกจากนี้นายชิติ ปฏิเสธที่จะใช้ช่องทางพิเศษในการเข้าสักการะพระบรมศพ โดยเลือกเข้าคิวตามช่องทางปกติเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป และให้เหตุผลว่าส่วนต้องการใช้ช่องทางปกติเช่นเดียวกับคนทั่วไปเพราะส่วนตัวหากใช้ช่องทางพิเศษเข้าไปก็จะรู้สึกว่าเอาเปรียบคนอื่น ขณะเดียวตัวเองก็ยังมีแขนขาเช่นเดียวกับคนปกติทั่วไป หากเทียบกับคนที่พิการแล้วคนเหล่านั้นลำบากกว่ามาก อีกทั้งตัวเองเดินทางมาพร้อมกับคณะต้องการที่จะต้องเข้าไปพร้อมๆกัน
ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี