+++การเตรียมความพร้อมการประชุมของคณะกรรมการในเรื่องพระราชพิธี ในวันที่ 28พ.ย.พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนเรื่องแบบพระเมรุมาศ พระโกศจันทร์ และพระโกศเล็ก ซึ่งแบบทั้งหมดดำเนินการเสร็จแล้ว และในวันที่ 10 ม.ค.2560 จะรับพื้นที่บริเวณท้องสนามหลวงจะมีการลงเสาปักเขตต่างๆ ทั้งหมดจะเสร็จไม่เกินเดือนกันยายน และในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ จะมีการบวงสรวงราชรถ ราชยาน ส่วนพระราชพิธีในท้องสนามหลวงก็จะมีการบวงสรวงเช่นเดียวกัน แต่ต้องรอให้เป็นไปตามขั้นตอน
+++พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ในช่วงปีใหม่จะมีการจัดงาน โดยกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร(กทม.) สำนักพระพุทธศาสนา และส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งประเทศ จะจัดสวดมนต์ในวัด ซึ่งจะเชิญวัดเครือข่ายในต่างประเทศเข้าร่วมด้วย โดยปีที่แล้วมีประชาชนประมาณ 18,400,000 คนเข้าร่วม นอกจากนี้จะมีการสวดมนต์อาเซียนระหว่างชายแดน 14 จังหวัดเหมือนเดิม อุทยานต่างๆ จะจัดสวดมนต์ข้ามปี ขณะเดียวกันเราให้จัดงานปีใหม่ได้ โดยขอความร่วมมือให้ทำกิจกรรมพร้อมกัน 3 อย่าง คือ เวลา 21.00 น.จะเป็นการถวายความอาลัย ยืนสงบนิ่งถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช 89 วินาที ส่วนนอกวัดจะมีการจัดกิจกรรมการแสดงวัฒนธรรม ส่วนในวัดก็สวดมนต์ ส่วนเวลา 23.45 น.เป็นการสวดมนต์ส่งท้ายปีเก่า จะสวดทั้งในและนอกวัดทั้งประเทศ เป็นการสวดให้ประเทศ พระมหากษัตริย์ ราชวงศ์ และตัวของคนสวด เพื่อความเป็นสิริมงคลส่งท้ายปีเก่า จากนั้นเวลา 00.09 น.ทั้งในวัดและนอกวัดจะจุดเทียน เพื่อเป็นมงคลเรียกว่าเป็นแสงเทียนแห่งสยาม และจะมีการสวดมนต์ด้วยเช่นกัน
+++ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการแสดงปาฐกถาเนื่องในงานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) ณ โรงแรมแชงกรี-ล่า ตอนหนึ่งว่า ขณะนี้ ประเทศไทย อยู่ในบรรยากาศของความโศกเศร้าที่ได้สูญเสียพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ซึ่งพระองค์ทรงงานให้ประเทศไทยมากว่า 70 ปี แต่ประเทศไทยก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงความโศกเศร้าเป็นพลังขับเคลื่อน ประเทศไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน ขอให้ความมั่นใจ อย่ากังวลทุกอย่างในประเทศไทยยังคงมีเสถียรภาพ และในเวลาไม่นานนับจากนี้ จะมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ซึ่งรัฐบาลจะทำหน้าที่เหมือนที่ผ่านมา ทุกอย่างยังเดินหน้าตามโรดแมปที่วางไว้ มีการเลือกตั้ง นำไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ตามหลักสากล จึงหวังว่านักลงทุน จะคลายความกังวลในเรื่องนี้ รวมถึง ขอเป็นตัวแทนรัฐบาลและประชาชน ขอบคุณนักลงทุนต่างประเทศที่ไม่ทิ้งประเทศไทย เป็นเพื่อนแท้ในยามยาก ซึ่งรัฐบาล มุ่งมั่น เดินหน้าพัฒนาประเทศ ตามพระบรมราโชบาย ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มุ่งดูแลทุกภาคส่วน ปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศที่เรียกว่า ไทยแลนด์ 4.0 สร้างความเข้มแข็งจากภายใน และขอให้ต่างประเทศเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจนำไทยไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง
+++นายคำนูณ สิทธิสมาน เลขานุการและโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (วิปสปท.) เปิดเผยว่า วิปสปท. เตรียมแถลงสรุปผลการดำเนินงานของ สปท.ครบรอบ 1 ปีภายใต้ชื่อ 1 ปี สปท. 108 เรื่องการปฏิรูป ในวันที่ 30 พ.ย. ตั้งแต่เวลา 09.30น.เป็นต้นไป โดยร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสปท.จะเป็นผู้นำการแถลงข่าวประมาณ 15 -20 นาที ร่วมกับประธานคณะกรรมาธิการ( กมธ.) ขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศทั้ง12 คณะ ที่จะใช้เวลาคณะละ 5 นาที ในการกล่าวสรุปผลการดำเนินงานของ สปท.ตลอด 1 ปี โฆษกวิปสปท. กล่าวถึง การประชุมสปท. ในสัปดาห์หน้าว่าจะมีการประชุมในวันที่ 28 พ.ย.เพียงวันเดียว ซึ่งจะพิจารณารายงานการปฎิรูป จำนวน 2 เรื่อง คือเรื่องแผนการขับเคลื่อนการปฎิรูปโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ของกมธ.ขับเคลื่อนการปฎิรูปด้านเศรษฐกิจ และเรื่องผลการศึกษาและข้อสังเกตร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ของกมธ.ขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน ส่วนวันที่ 29 พ.ย.สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ได้ใช้ห้องประชุมเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายที่มีความจำเป็นเร่งด่วนของรัฐบาล
+++ความคืบหน้าการปรับปรุงพื้นที่ป้อมมหากาฬ นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า ตามที่เครือข่ายภาคประชาสังคมและนักวิชาการเพื่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูเมืองยื่นหนังสือต่อรองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2559 เพื่อขอความช่วยเหลือและหารือกรณีชุมชนป้อมมหากาฬโดยให้กทม.หยุดรื้อถอนอาคารบริเวณชุมชน และขอให้จัดตั้งคณะกรรมการพหุภาคี เพื่อแก้ไขปัญหาและอนุรักษ์พัฒนาชุมชนป้อมมหากาฬ รวมทั้งชุมชนย่านเมืองเก่าอย่างมีส่วนร่วม คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ได้ประชุมเพื่อพิจารณาข้อเสนอ เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2559 โดยมีมติให้กทม.ดำเนินการรื้อถอนอาคารในชุมชนป้อมมหากาฬต่อไป เนื่องจากที่ดินทั้งหมดในบริเวณป้อมมหากาฬทั้งหมด เป็นของกทม.โดยการเวนคืนตามกฎหมาย จึงถือเป็นพื้นที่สาธารณะและมีกฎหมายบังคับใช้ให้ต้องปฏิบัติ โดยให้ดำเนินการรื้อถอนในปลายเดือนม.ค.2560 จนกว่าจะแล้วเสร็จ
+++นายจักกพันธุ์ กล่าวว่า กรณีที่เครือข่ายขอให้ตั้งคณะกรรมการพหุภาคีขึ้นมา คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปฯเห็นว่า ชุมชนไม่สามารถอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้ ขณะเดียวกันพื้นที่บริเวณป้อมมหากาฬ กทม.มีโครงการที่จะพัฒนาเป็นสวนสาธารณะในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของพื้นที่บริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ แหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม วิถีชีวิตรอบเกาะรัตนโกสินทร์ และกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางตามข้อเสนอของเครือข่าย นอกจากนี้กทม.สนับสนุนรับชาวชุมชนเป็นลูกจ้าง เพื่อทำหน้าที่ดูแลสวนสวนสาธารณะ รวมทั้งเป็นผู้เผยแพร่เล่าเรื่องราวพื้นที่บริเวณป้อมมหากาฬ โดยมีเงื่อนไขว่าชุมชนไม่สามารถอยู่ในพื้นที่ได้
+++กรณีการขอเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนในบริเวณพื้นที่ย่านเมืองเก่า เครือข่ายฯสามารถยื่นข้อเสนอโดยตรงต่อคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบดูแลในเรื่องนี้และมีภาคส่วนต่าง ๆ ร่วมเป็นคณะกรรมการอยู่แล้ว กทม.จะชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ที่เป็นแกนนำและจัดทำหนังสือตอบกลับข้อเสนอของเครือข่ายภาคประชาสังคมและนักวิชาการเพื่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูเมือง
+++การลงทุนในตลาดหุ้นไทย นักลงทุนติดรอตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)นัดพิเศษวันที่ 29 พ.ย. ตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนต.ค. วันที่ 30 พ.ย. และ การประชุมโอเปก วันที่ 30 พ.ย. ส่งผลให้ดัชนีปิดตลาดที่1,500.40 จุด เพิ่มขึ้น10.29 จุด มูลค่าซื้อขาย36,866.60 ล้านบาท
+++ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดบวกติดต่อกัน 7 วันทำการในวันนี้ เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกฟื้นตัวขึ้น ดัชนีนิกเกอิปิดบวก 47.81 จุด ปิดที่ 18,381.22 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบประมาณ 10 เดือนครึ่ง หลังจากที่ขึ้นไปยืนอยู่เหนือระดับปิดสูงสุดในปีนี้เป็นเวลาสั้นๆ
+++ตลาดหุ้นฮ่องกง ฟื้นตัวจากที่ปิดลบเมื่อวานนี้ และสอดคล้องกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในเอเชียที่เคลื่อนไหวแดนบวกในวันนี้ นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่พุ่งขึ้น หลังจากเงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออก ดัชนีฮั่งเส็งเพิ่มขึ้น 114.96 จุด ปิดที่ 22,723.45 จุด
+++ประธานาธิบดีดาเนียล ออร์เตกา ผู้นำนิคารากัว ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจากภัยพิบัติทั่วประเทศ เพื่อรับมือเฮอริเคนออตโต ซึ่งเป็นพายุหมุนก่อตัวในมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นลูกที่ 7 ของปีนี้ และเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่เมืองซานฮวน เดอ นิคารากัว ที่อยู่ริมชายฝั่งทางใต้ของประเทศ เมื่อคืนวันพฤหัสบดี ด้วยความเร็วลมกระโชกแรง ก่อนอ่อนกำลังลงเหลือราว 121 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือระดับ 1 เบื้องต้นมีการคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนสะสมเฉพาะในนิการากัวระหว่าง 15-30 เซนติเมตร
+++ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพลเรือนของคอสตาริกา ประกาศเตือนภัยประชาชนทั่วประเทศให้เตรียมรับมืออันตรายที่อาจเป็นผลกระทบจากเฮอริเคนออตโตเช่นกัน ขณะที่ทางการปานามา เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 คนจากสภาพอากาศเลวร้ายในภูมิภาคอเมริกากลางและทะเลแคริบเบียนตลอดทั้งสัปดาห์นี้
+++เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังพายุเคลื่อนตัวเข้าสู่แผ่นดินใหญ่ของนิคารากัว สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ ( ยูเอสจีเอส ) ตรวจพบการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.0 ศูนย์กลางลึกลงไปใต้ทะเล 10 กิโลเมตร นอกชายฝั่งของเอลซัลวาดอร์ ซึ่งอยู่ห่างจากนิคารากัวขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ส่งผลให้มีการประกาศเตือนภัยสึนามิ แรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ไกลในหลายประเทศแถบอเมริกากลางรวมถึงนิการากัว
CR:คลังภาพ รัฐบาลไทย