*ปปช.ยกร่างทำธุรกรรม1ล้านต้องแจ้ง/แถลงสาเหตุบูรด้าตาย/คงVat7%1ปี*

03 กรกฎาคม 2557, 09:13น.


*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.



+++ปปช.เตรียมยกร่างประกาศข้อกำหนดของจำนวนเงินและมูลค่าทรัพย์สินในการทำธุรกรรมที่ต้องรายงานต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะต้องให้สถาบันการเงินแจ้งต่อป.ป.ช.ทุกครั้งเมื่อผู้ที่จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ตามที่กฎหมายกำหนด มีการดำเนินธุรกรรมทางการเงินวงเงิน 1 ล้านบาท หรือหากเป็นเงินสดในจำนวน 500,000 ต้องแจ้งมาที่ ป.ป.ช.ด้วยทุกครั้ง ซึ่งแตกต่างจากเดิมที่ต้องแจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) เมื่อมีการทำธุรกรรมทางการเงินวงเงิน 2 ล้านบาท และต้องแจ้งต่อ ป.ป.ง.เพียงหน่วยงานเดียว แต่เพื่อป้องกันการทุจริตจึงเสนอให้แจ้งต่อ ป.ป.ช. อีกทางหนึ่งด้วย เบื้องต้นหารือ เพื่อลดภาระด้วยการส่งข้อมูลระบบออนไลน์ จาก ป.ป.ง. มาที่ ป.ป.ช. ได้ทันทีหรือไม่



+++การแก้ไขปัญหาแรงงาน นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการแรงงานและทรัพยากรมนุษย์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ต้องการให้ภาครัฐเร่งจัดระเบียบบริษัทตัวแทนจัดหาแรงงานต่างด้าว (โบรกเกอร์) มาทำงานในภาคอุตสาหกรรมของไทย เนื่องจากปัจจุบันมีโบรกเกอร์ผีจำนวนมากได้สร้างความเดือดร้อนแก่โรงงานและแรงงานต่างด้าว โดยการแอบอ้างรายชื่อโรงงานมีชื่อเสียงหลอกแรงงานต่างด้าวเข้ามาสมัครและเรียกเก็บค่านายหน้า โดยต้องให้ โบรกเกอร์จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมทั้งมีการกำหนดขั้นตอนอัตราค่าธรรมเนียมต่างๆ อย่างชัดเจนและมีความเป็นธรรมทั้ง 2 ประเทศ ขณะเดียวกันก็ต้องจัดระเบียบให้โบรกเกอร์จัดหาแรงงานเฉพาะกลุ่ม เช่น แรงงานกลุ่มเครื่องนุ่งห่ม, เกษตรแปรรูป, ประมง, อาหารทะเล เป็นต้น เพราะที่ผ่านมามีการจัดหาแรงงานเหมารวมกันหมด เมื่อส่งไปยังโรงงานกลับพบว่าแรงงานไม่มีความถนัดในงานดังกล่าว จนส่งผลให้เกิดการหนีงานและย้ายงานบ่อยมาก



+++ในปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ทางหน่วยงานราชการไทยและเอกชนไทยจะเดินทางไปพบสมาพันธ์อาหารทะเลของสหรัฐ เพื่อชี้แจงและยืนยันว่าไทยไม่ได้มีการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ เพื่อเป็นการประกอบให้กระทรวงแรงงานสหรัฐได้ทบทวนถอดถอนสินค้าไทยออกจากบัญชีรายชื่อสินค้าที่มีการใช้แรงงานเด็กบังคับหรือแรงงานเด็กขัดหนี้ เบื้องต้นมั่นใจว่าแนวโน้มอ้อยจะถูกถอดถอนจากการขึ้นบัญชีดังกล่าวที่จะมีการประกาศในเดือนกันยายนนี้แน่นอน



+++นายภูมินทร์ หะรินสุต รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า วันที่ 7 กรกฎาคมนี้ หอการค้าฯ จะนำข้อเสนอในการแก้ปัญหาแรงงานทั้งระบบต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ก่อนจะนำผลความเห็นชอบของ กกร.เข้าที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ที่จะประชุมครั้งแรกวันที่ 16 กรกฎาคม พิจารณาเห็นชอบ เพื่อนำไปใช้ในการแก้ปัญหาแรงงานทั้งระบบของไทยต่อไปทั้งในส่วนของแรงงานไทย แรงงานต่างด้าวและแรงงานประมง



+++นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ สั่งเร่งตรวจสอบผู้ต้องขังชาวกัมพูชา 13 คน ที่เรือนจำกลางสระแก้ว ซึ่งถูกดำเนินคดีข้อหาปลอมแปลงเอกสาร และประสานไปยังสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย เพื่อตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนว่ามีชาวกัมพูชาถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำประเทศไทยกี่คน และจำนวนที่กัมพูชาร้องขอให้ปล่อยตัวตรงกับรายชื่อผู้ต้องขัง 13 คน ที่ จ.สระแก้ว หรือไม่เบื้องต้นพบว่ายังเป็นผู้ต้องขังอยู่ระหว่างการสอบสวนคดียังไม่แล้วเสร็จ จึงไม่เข้าเงื่อนไขการโอนตัว แต่สามารถใช้วิธีทางรัฐศาสตร์ คือให้ตำรวจสั่งไม่ฟ้องและปล่อยตัวกลับประเทศได้



+++คสช.เห็นชอบคงภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ออกไปอีก 1 ปี เริ่มใช้ 1 ต.ค.57-ก.ย.58  เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงมีปัญหาชะลอตัว และขยายเวลาการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล 20% ให้มีผลวันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.58 รวมทั้งคงอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 35% ออกไปอีก 1 ปี  มี 7 ขั้นเหมือนเดิม



+++นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันนี้ จากนั้นจะเร่งสรุปการปรับโครงสร้างพลังงานต่อไป ซึ่งการเข้าประชุมครั้งนี้ มาในฐานะประธานอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งคณะกรรมการกองทุน ได้มีมติให้ทบทวน  23 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท ของงบประมาณปี 2556-2557เช่น โครงการวิจัยเทคโนโลยี อนุรักษ์พลังงาน และโครงการเอสเอ็มอีประหยัดไฟ



+++นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากรคนใหม่ ยอมรับโอกาสจัดเก็บรายได้ปีงบ 2557 คงพลาดเป้าที่ตั้งไว้ 1.89 ล้านล้านบาท ไปนับแสนล้านบาท แต่จะให้ได้มากที่สุด และมั่นใจในปีงบประมาณหน้า จะทำได้ตามเป้าหมาย 1.9 ล้านล้านบาทแน่  เตรียมเรียกข้อมูลผลการตรวจสอบเพิ่ม ในคดี "โกงแวต (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) 4 พันล้านบาท" โดยจะให้ 14 ข้าราชการกรมสรรพากร มาชี้แจงข้อกล่าวหาเพิ่มเติม เพื่อมาติดตามความคืบหน้าต่อไป



+++นายสมชัย สัจจพงษ์   อธิบดีกรมศุลกากร  เปิดเผยว่า การจัดเก็บรายได้เป็นหน้าที่หลักของกรมจัดเก็บภาษีในปีนี้  ซึ่งกรม จะพยายามจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายเดิมหรือใกล้เคียง ทั้งนี้กรมศุลกากร ตั้งเป้าหมายจัดเก็บรายได้ปีงบ 2557 ไว้ที่ 1.31 แสนล้านบาท จากนี้จะไปดูว่ายังมีช่องว่างที่สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพได้มากน้อยแค่ไหน   แต่จะมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อาทิ การประมูลรถหรูในวันที่  3 กรกฎาคม นี้ ที่ให้เดินหน้าต่อ โดยบริษัท สหการประมูลจัดประมูลขายทอดตลาดรถยนต์ของกลางครั้งที่ 2 ประจำปี 2557 อาทิ รถยี่ห้อแลมโบร์กินี เฟอร์รารี เบนท์ลีย์ ปอร์เช่ และบีเอ็มดับเบิลยู จำนวน 357 คัน ณ กรมศุลกากร เริ่มตั้งแต่เวลา 08.30-20.00 น.



+++เวลา 9.00 น. ศาลจังหวัดนนทบุรี นัดสืบพยานโจทก์นัดแรก คดีไฟไหม้โรงพักไทรน้อยเมี่อวันที่ 7 ก.ค. 2556 เหตุการณ์ครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ นางสาวจินตนา เกสรลักษณ์ อายุ 23 ปี บุตรสาว นายเจิด สรงภู่ อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาคดี หา พ.ร.บ.อาวุธปืน ที่เสียชีวิตในกองเพลิง เบื้องต้นอาจจะเรียกค่าเสียหายทำให้เสียชีวิต รายละ 30 ล้านบาท



+++กรณีวาฬบูรด้า ตายเกยตื้น ป่าโกงกางที่พระสมุทรเจดีย์จ.สมุทรปราการ วันนี้ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยชายฝั่งทะเล และอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจะเปิดแถลงข่าวสาเหตุการตายในเวลา 10.00 น.



+++นายฐากร ตัณฑสิทธิ์” เลขาธิการ กสทช.ระบุ ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปการจ่ายเงินสนับสนุนให้ บ.อาร์เอส จำกัด กรณีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2014 ผ่านทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง5+++นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อาร์เอส เปิดเผยว่า บริษัทฯได้รับเงินชดเชยจำนวน 100 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ซึ่งในส่วนที่เหลือจะได้ครบเมื่อไหร่นั้น คงต้องเป็นไปตามขั้นตอนของอนุกรรมการที่ทาง กสทช. ส่วนยอดรวมการคืนกล่องบอลโลกในตอนนี้อยู่ที่ 2 แสนกล่อง ขณะที่ยอดคืนแพ็กเกจอยู่ที่ 3 หมื่นราย ซึ่งหากคิดเป็นเม็ดเงินที่บริษัทต้องจ่ายให้กับลูกค้าที่ซื้อกล่องบอลโลกไปจะอยู่ที่ประมาณ 318 ล้านบาท ส่วนเม็ดเงินที่ต้องจ่ายให้กับลูกค้าที่ซื้อแพ็กเกจชมบอลโลกจะอยู่ที่ประมาณ 8.9 แสนบาท



+++ตร.สน.สำเหร่ กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน 6 หลัง ภายในซอยเจริญนคร 58 แขวงบุคคโล เขตธนบุรี ซึ่งเกิดเพลิงลุกไหม้ตั้งแต่เมื่อ1 ก.ค.) ล่าสุดจากการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบร่างผู้เสียชีวิต 1 ศพ บ้านต้นเพลิง สภาพศพถูกไฟไหม้จนไม่สามารถระบุอัตลักษณ์ได้ คาดผู้เสียชีวิต คือนายทนงศักดิ์ แก่นนาคำ อายุ 23 ปี บุตรชายของนายไกรศักดิ์ ที่ได้หายตัวไป โดยนายไกรศักดิ์ ยืนยันว่าก่อนเกิดเหตุบุตรชาย ยังนอนอยู่ด้วยกันในบ้าน และคาดว่าหลบหนีไม่ทันจนถูกไฟคลอกเสียชีวิต



ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวเตือนแม่บ้าน แม่ครัว ผู้ค้าอาหาร รวมทั้งประชาชนทั่วไปที่นำกระดาษทิชชูมาซับน้ำมันจากอาหารว่า ต้องระวัง เพราะเนื้อเยื่อเล็ก ๆ ของกระดาษทิชชูจะติดอยู่บนอาหาร หากรับประทานเข้าไปจะทำให้เรารับเอาสารเคมีต่าง ๆ ที่อยู่ในทิชชูไปด้วย  ปัจจุบัน กระดาษทิชชูผลิตมาจากกระดาษหมุนเวียนใหม่ เช่น กระดาษ เอ 4 ที่ใช้แล้ว เพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ในกระบวนการผลิตตีวัตถุดิบให้เป็นเนื้อเยื่อจะต้องใช้โซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) หรือโซดาไฟ อีกทั้งยังใช้สารคลอรีนฟอกให้เป็นสีขาว และมีสารไดออกซินซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งเป็นส่วนประกอบด้วย  ส่วนที่ร้านค้ามักนำกระดาษหนังสือพิมพ์มาห่อบรรจุอาหารทอด เป็นสิ่งที่อันตราย เพราะน้ำมันเป็นตัวละลายสารเคมีในหมึกพิมพ์ได้เป็นอย่างดี ทำให้เราทานอาหารที่ปนเปื้อนสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย 

ข่าวทั้งหมด

X