หลังสำนักงานอัยการสูงสุด มีความเห็นควรสั่งฟ้องพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร ในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการประสานมาจากทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ถึงกระบวนการทางกฎหมาย แต่หากมีการประสานมาจริง ก็เป็นหน้าที่ของทีมกฎหมายที่จะพิจารณา ส่วนจะมีเหตุการณ์การขัดขวางเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่นั้น ก็ไม่สามารถที่จะบอกได้ขึ้นอยู่กับบุคคลที่มาเร้าทำให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น อย่างไรก็ตามหากจะมีเหตุการณ์รุนแรง เกิดขึ้น ขอให้เชื่อว่าเป็นฝีมือของมือที่สามที่ต้องการจะทำให้เกิดสถานการณ์ที่มีความรุนแรง ซึ่งไม่ใช่คณะศิษยานุศิษย์อย่างแน่นอน
และขณะนี้ยังไม่ได้มีการรายงานให้พระธัมมชโยทราบ พร้อมอยากทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวว่า เป็นการสั่งฟ้องนั้น ซึ่งความจริงแล้วเป็นมีความเห็นควรสั่งฟ้อง โดยได้ตั้งทีมขึ้นมา เพื่อเก็บข้อมูลการเผยแพร่ข่าวสาร เนื่องจากมีความคลาดเคลื่อนและจะทำให้เกิดความสับสนได้
ส่วนกระแสข่าวที่ออกมาว่าพระธัมมชโยเดินทางออกนอกประเทศ ก็ไม่ทราบว่ามีกระแสข่าวออกมาได้อย่างไร ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง พระธัมมชโยยังคงพักรักษาอาการอาพาธ ภายในวัดพระธรรมกาย โดยการดูแลของทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด มาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งทีมแพทย์ได้แนะนำให้งดการเดินทาง ดังนั้นพระธัมมชโยจึงไม่ได้ออกปฏิบัติศาสนกิจใดๆ รวมทั้งคณะศิษยานุศิษย์เองก็ยังไม่ได้พบท่านเช่นกัน ด้านอาการขณะนี้ยังคงทรงตัวและทรุดบ้างในบางช่วง เนื่องจากมีอาการแทรกซ้อนหลายโรค และที่ไม่พาไปรักษาอาการอาพาธที่โรงพยาบาลนั้น เนื่องจากเป็นสิทธิ์ของผู้ป่วยที่จะเลือกวิธีการรักษา ส่วนทางออกในเรื่องนี้ โดยส่วนตัวคิดว่า ต้องช่วยกันแก้ไข ซึ่งหมายจับที่เกิดขึ้นนั้น มาจากหมายเรียก ที่พระธัมมชโยไม่สามารถเดินทางเข้าให้ปากคำได้ เนื่องจากมีอาการอาพาธ ไม่ได้เกิดจากการกระทำความผิดแต่อย่างใด ส่วนที่มีการสร้างกำแพงขึ้น บริเวณประตู 5 นั้น ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการป้องกันเจ้าหน้าที่ เป็นเพียงการสร้างเพื่อกั้นพื้นที่ส่วนเอกชนกับทางวัดเท่านั้น
ขณะที่บรรยากาศที่วัดพระธรรมกาย เป็นไปด้วยความปกติ ยังคงมีคณะศิษยานุศิษย์เป็นจำนวนมาก เดินทางมาสวดมนต์ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร จำนวน 11,111,111 จบ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช