ความคืบหน้าหลังจากลงพื้นที่เกิดเหตุรถตกเหวจากกรณีรถโดยสารไม่ประจำทางของ บขส.เกิดเหตุเสียหลักพลิกคว่ำตกเหวลงเขาพลึง จังหวัดอุตรดิตถ์ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กรมทางหลวง เข้าไปสำรวจเส้นทางที่เป็นจุดเสี่ยงทุกแห่ง โดยเฉพาะจุดที่เกิดเหตุ และทำการก่อสร้างจุดพักรถบริเวณทางขึ้น-ลง เขา ให้มีการติดตั้งป้ายสัญญาณเตือนให้ชัดเจน ซึ่งบริเวณทางลงเขาพลึงจะเป็นจุดที่ 2 ที่จะดำเนินการแก้ไขปรับปรุงเส้นทางต่อจากถนนหมายเลข 304 เส้นทางสายปากเกร็ด ถึงสะพานต่างระดับจังหวัดนครราชสีมาที่ได้ดำเนินการแก้ไขอยู่ในขณะนี้ และได้สั่งการให้กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท เร่งสำรวจเส้นทางจุดเสี่ยงทุกแห่งและเร่งแก้ไขโดยเร็ว รวมถึงเตรียมศึกษาการนำแนวทางนับชั่วโมงการทำงานแบบนักบินมาใช้กับพนักงานขับรถเพื่อให้พนักงานขับรถ มีสภาพร่างกายที่พร้อมต่อการให้บริการ และพนักงานบนรถ บขส.ต้องแนะนำระบบรักษาความปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร โดยเฉพาะการคาดเข็มขัดนิรภัย ขณะที่คนขับจะต้องแนะนำตัวแก่ผู้โดยสารให้รับทราบก่อนทุกครั้ง ซึ่งทาง บขส.จะต้องร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบกในการบังคับใช้กฎหมายระบบรถโดยสารสาธารณะเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
ด้าน พล.ต.อ. อำนาจ อันอาตม์งาม กรรมการบริษัทฯและรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด(บขส.) เปิดเผยว่า เบื้องต้นการตรวจสอบสภาพรถโดยสารไม่ประจำทางที่เกิดอุบัติเหตุพบว่า มีการตรวจสอบสภาพรถตามมาตรฐานและมีอายุการใช้งานรถเพียง 6 ปีจาก 30 ปี และพนักงานขับรถมีอายุการทำงานมาประมาณ 20 ปี และไม่เคยมีประวัติการขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุ และมีการผลัดเปลี่ยนพนักงานขับรถทุก 4 ชั่วโมงตามที่กฎหมายกำหนด แต่ต้องรอผลสรุปการเกิดอุบัติเหตุจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง และส่วนของสภาพถนนที่ใช้ในการสัญจรดังกล่าวถนนเป็นไปตามมาตรฐานมี 4 ช่องจราจร แต่ลักษณะมีความลาดชันและมีความคดเคี้ยว ซึ่งในอนาคตหากทางกรมทางหลวง(ทล.) และกรมทางหลวงชนบท(ทช.) พบว่า มีเส้นทางใดที่สำรวจแล้วยังไม่ปลอดภัยจะมีการประสานงานร่วมกันให้มีเจ้าหน้าที่ให้ไปประจำจุดเสี่ยง เพื่อเริ่มดำเนินการก่อสร้างแผงกั้นและจุดพักรถต่อไป
โดย บขส.ได้มีวงเงินสินไหมจากการทำประกันการเดินทางเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 800,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลไม่เกินรายละ 280,000 บาท และหากเป็นพนักงานของบริษัท กสท.ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ของบริษัทจะได้รับเงิน 200,000 บาท และหากเป็นสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์จะได้รับเงิน 135,000 บาท สำหรับคณะทัวร์ผู้เกษียณอายุของ บริษัท กสท.โทรคมนาคมที่เดินทางกลับจากจังหวัดน่าน โดยรถคันที่เกิดเหตุเป็นรถที่จัดกิจกรรมทัศนศึกษา ณ จังหวัดน่านและจังหวัดแพร่ โดยมีผู้โดยสารและคนขับรถทั้งหมด 38 คน ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 20 คน ขณะนี้ได้นำส่งโรงพยาบาลทั้งหมดแล้ว ส่วนผู้เสียชีวิตจำนวน 18 คน ญาติผู้เสียชีวิตได้เคลื่อนศพกลับสู่ภูมิลำเนาทั้งหมดแล้ว โดยจะนำทั้ง 18 ศพ ไปไว้ที่ วัดปากน้ำภาษีเจริญ
Cr.หญิง เล็ก ห้องไลน์ POLICEข่าว+บันเทิง