+++สำนักงานอัยการสูงสุด แถลงความคืบหน้าการสั่งคดีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร กับพวก ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานฟอกเงินและรับของโจรจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจำกัด และคดีอื่น เกี่ยวกับการทุจริตในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจำกัด ว่าตามที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้ส่งสำนวนคดีพิเศษให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษพิจารณา เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2559 ปรากฏว่า อัยการคดีพิเศษมีคำสั่งสั่งฟ้อง นายศุภชัย อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ผู้ต้องหาที่ 1 นางสาวศรัณยา มานหมัด ผู้ต้องหาที่ 3 และนางทองพิน กันล้อม ผู้ต้องหาที่ 4 และสมควรสั่งฟ้อง พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) หรือ พระธัมมชโย ผู้ต้องหาที่ 2 และน.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 5 กระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร โดยจะส่งตัวส่งฟ้องในวันที่ 30 พ.ย.
+++ ร.ท.สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า คณะทำงานอัยการได้พิจารณาผลการสอบสวนเพิ่มเติมทั้งหมดจากพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ที่อัยการสั่งสอบเพิ่มเติม และหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากผู้ต้องหาครบถ้วนแล้ว จึงได้มีคำสั่งคดีเมื่อวันที่ 22 พ.ย.พร้อมแจ้งให้อธิบดีดีเอสไอ ติดตามตัว พระธัมมชโย และนางสาวศศิธร มาให้อัยการเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนก่อนขาดอายุความ 15 ปี
+++ด้านนายชาติพงษ์ จีระพันธุ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ กล่าวว่า ในส่วนพระธัมมชโย กับน.ส.ศศิธร หากอัยการได้รับตัวมาอัยการก็จะต้องใช้ดุลพินิจพิจารณาคำสั่งเห็นควรสั่งฟ้องทั้งสองคน และทำการสอบสวนก่อน ซึ่งหากมีพยานหลักฐานใหม่ อัยการก็อาจมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงการสั่งคดีในส่วนสองคนนี้ได้ ทั้งนี้ ยอมรับว่าการสั่งคดีนี้มีความล่าช้า เนื่องจากมีทรัพย์สินเกี่ยวข้องจำนวนมาก ต้องตรวจสอบเส้นทางการเงิน ที่พบว่ามีการจ่ายเช็ค 27 ฉบับ จากนายศุภชัย น.ส.ศรัณยา และนางทองพิน ไปยังพระธัมมชโย และนางสาวศศิธร รวมประมาณ 1,400 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนมกราคม 2552 ถึง เมษายน 2556จึงต้องดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อผลประโยชน์ของผู้เสียหาย ที่สามารถใช้สิทธิขอรับการเยียวยารับเงินคืนได้ตามขั้นตอนของกฎหมาย และยืนยันอัยการทำงานเต็มที่หลังได้รับผลสอบสวนเพิ่มเติมจากพนักงานดีเอสไอ
+++พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล เป็นประธานการประชุมผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงานของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อชี้แจงการปรับแผนการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560และหลักเกณฑ์การจัดทำข้อเสนอเบื้องต้น ของงบประมาณตามแผนงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 พล.อ.อุดมเดช ขอบคุณฝ่ายเลขานุการ คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ทำการปรับปรุงระบบการขับเคลื่อนงาน โดยเฉพาะการจัดทำแผนงาน โครงการ และงบประมาณ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล ทั้งในมิติความมั่นคงและการพัฒนา เป็นไปในทางที่ดีขึ้นมาโดยลำดับ ในปีงบประมาณ 2560 รัฐบาลเน้นย้ำและให้ความสำคัญ ต่อเนื่องจากปีงบประมาณ 2559 โดยให้มีการจัดทำแผนงบประมาณในลักษณะบูรณาการ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการทรัพยากรมาสนับสนุนการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีเอกภาพและมีประสิทธิภาพ
+++กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย และเข้าปกคลุมภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกในระยะต่อไป ประกอบกับคลื่นกระแสลมตะวันออกเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลาง ทำให้ประเทศไทยมีอากาศแปรปรวน โดยมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักบางแห่งในระยะแรก หลังจากนั้นอากาศจะเย็นลง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 4 - 6 องศาเซลเซียส และบางจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง และภาคใต้มีฝนตกหนักระหว่างวันที่ 23 – 24 พ.ย.นี้
+++ปภ.ประสาน 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี เลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี และบึงกาฬ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมรับมือสภาพอากาศหนาวเย็น โดยสำรวจและจัดทำบัญชีความต้องการเครื่องนุ่งห่มกันหนาว เพื่อวางแผนแจกจ่ายได้สอดคล้องกับสภาพความเดือดร้อน รวมถึงเตรียมการป้องกันภัยในช่วงฤดูหนาว เช่น ไฟป่า หมอกควัน เพลิงไหม้ อุบัติเหตุทางถนนในช่วงหมอกปกคลุมเส้นทาง
+++นอกจากนี้ บางจังหวัดในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้จะเกิดฝนตกหนัก ในระหว่างวันที่ 23 – 24 พ.ย. แยกเป็น ภาคกลาง 10 จังหวัด ได้แก่ ราชบุรี สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม และกรุงเทพมหานคร ภาคใต้ 3 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช
+++นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย ผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนตุลาคม 2559 ปรับตัวสูงสุดในรอบ 7 เดือน อยู่ที่ระดับ 86.5 เพิ่มขึ้นจากระดับ 84.8 ในเดือนกันยายน และปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลที่มีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับเทศกาลในช่วงสิ้นปีของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะคู่ค้าสำคัญจากประเทศจีน ญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐฯ ทำให้การผลิตเพิ่มขึ้นและปรับสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาด รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงปลายปี อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังกังวลต่อต้นทุนการผลิต การแข่งขันด้านราคา ปัญหาสภาพคล่องของเอสเอ็มอี ตลอดจนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและสภาวะเศรษฐกิจโลก
+++ส่วนดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าที่สำรวจในเดือนตุลาคมนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 11 เดือน นับจากเดือนธันวาคม 2558 เนื่องจากผู้ประกอบการมีความหวังว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง สำหรับข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการที่มีต่อภาครัฐในเดือนตุลาคมนี้ คือ ต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเสริมสภาพคล่องและมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น สนับสนุนเงินทุนให้กับผู้ประกอบการเพื่อนำสินค้าไปแสดงในต่างประเทศ เร่งรัดการจัดทำมาตรฐานสินค้าให้ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม รวมถึงเสนอแนะให้ภาครัฐส่งเสริมการใช้เครื่องจักรอุปกรณ์และสินค้าที่ผลิตในประเทศ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทย
แฟ้มภาพ