ออสเตรเลีย ประสานข้อมูลตำรวจไทย หลังพบคนไทยสนับสนุนกลุ่มไอเอสผ่านสื่อสังคม

22 พฤศจิกายน 2559, 11:55น.


หลังการประชุมณะกรรมการบริหารประจำศูนย์ความร่วมมือระดับภูมิภาค กรุงเทพฯ ประจำปี 2559 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย และสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ทางตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลียได้ประเมินสถานการณ์การก่อการร้าย พบว่ามีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อการร้ายไอเอส ผ่านทางเฟสบุ๊ก ที่มีการเข้าใช้เว็บไซด์ของขบวนการก่อการร้ายไอเอส กว่า 1 แสนครั้งในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งความเกี่ยวข้องพบว่ามีทั้งการสนับสนุนแนวคิด, การเดินทางไปประเทศซีเรีย และให้เงินสนับสนุน  โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการคัดกรอง Username เบื้องต้นสามารถแบ่งได้เป็น 6 กลุ่ม พอทราบว่าเป็นใครและอยู่ที่ไหนบ้าง จึงได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล อาทิ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9, ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้, และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ส่วนจำนวนคนไทยที่เข้าไปเกี่ยวจะมีกี่คนนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากในวันนี้เป็นเพียงการประชุมครั้งแรก โดยการแจ้งข้อมูลไม่ได้หมายความว่าจะมีการก่อเหตุรุนแรงขึ้น เป็นเพียงการเชื่อมโยงทางข้อมูลทางเฟสบุ๊กที่ประสานข้อมูลข่าวสารและมีแนวคิดสนับสนุนเท่านั้น ทางการออสเตรเลียจึงแจ้งมาเพื่อให้ทางการไทยเฝ้าระวัง และหลังจากนี้จะรายงานผลการประชุมให้นายกรัฐมนตรีรับทราบต่อไป ส่วนกลุ่มคนที่สนับสนุนขบวนการก่อการร้ายไอเอส จะเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในภาคใต้หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากเพิ่งประชุมกันครั้งแรก 


 


ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมาตรา 116 ฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก กรณีเผยแพร่จดหมายบิดเบือนสร้างความแตกแยก ในพื้นที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง โดยผู้ต้องสงสัยมีทั้งหมด 3 คน อยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ทหาร แต่รายละอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ และเชื่อว่าจากพยานหลักฐานที่มีอยู่สามารถขอศาลออกหมายจับได้ จากข้อมูลเบื้องต้นที่ได้รับรายงาน พบว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นคนในพื้นที่ภาคอีสาน แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ 


 


สำหรับการนำตัวผู้ต้องหาที่กระทำความผิดตามประมวลอาญา มาตรา 112 และมีการหลบหนีไปพักอาศัยในประเทศลาว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ตามขั้นตอนของกฎหมาย เป็นอำนาจหน้าที่ของอัยการ ที่ต้องประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่แค่ทำสำนวนคดี ทั้งนี้ตำรวจก็จะประสานกับตำรวจสากลในการติดตามตัวอีกช่องทางหนึ่ง พร้อมยืนยันว่าตำรวจไม่นิ่งนอนใจ จะเร่งรัดติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว ส่วนการที่ประเทศไทยและประเทศลาวจะมีสนธิสัญญาในการส่งตัวผู้ต้องหาที่ทำความผิดตามมาตรา 112 หรือไม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง


 


......


ผสข.สมจิตร์ พูลสุข
ข่าวทั้งหมด

X