+++การประชุมคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณทุกคนที่ได้ทำงานร่วมกันมา รัฐบาล ขับเคลื่อนนำแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ไปสู่การทำงานให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ได้สั่งการปรับแก้ไข เรื่องการเกษตร และน้ำ รวมทั้งอีกหลายเรื่อง ที่อยู่ในและนอกพื้นที่เขตชลประทาน ถือเป็นการทำงานระยะที่ 1 ของการปฏิรูปงบประมาณปี 2559 ถึงปี 2561 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และขณะนี้มี 28 ประเทศ ได้นำแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชไปปฏิบัติ ซึ่งประเทศที่กำลังพัฒนาได้นำไปคัดเลือกและ ไปประยุกต์ให้สอดคล้องแต่ละประเทศ
+++นายชยพล ธิติศักดิ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทย ได้จัดทำโครงการบูรณาการการจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง 1 ตำบล 1 แหล่งกักเก็บน้ำ เพื่อปรับปรุง ซ่อมแซมแหล่งกักเก็บน้ำเดิม และสร้างแหล่งกักเก็บน้ำใหม่ในที่ขาดแคลน รวมทั้งจัดทำฐานข้อมูลแหล่งน้ำและเชื่อมโยงข้อมูลที่มีอยู่ในทุกระดับสำหรับสนับสนุนการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการ โดยวางแผนก่อสร้างหรือปรับปรุงแหล่งน้ำเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในด้านอุปโภคบริโภคหรือเกษตรกรรม ตามความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ในปีงบประมาณ 2560 กำหนดเป้าหมาย 1 ตำบล 1 แหล่งกักเก็บน้ำ และระยะที่ 2 ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2561-2563 กำหนดเป้าหมาย 1 หมู่บ้าน 1 แหล่งกักเก็บน้ำ โดยมีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและกรมการปกครอง เป็นหน่วยงานหลัก มอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่สำรวจข้อมูลแหล่งน้ำในพื้นที่ เช่น จำนวนอ่างเก็บน้ำ สระน้ำ ฝาย บ่อบาดาล แหล่งกักเก็บน้ำธรรมชาติ หรืออื่น ๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่ และปัญหาในการบริหารจัดการแหล่งน้ำที่มีอยู่เดิม หรือพื้นที่ใดที่ขาดแคลนแหล่งน้ำให้รายงานตามข้อเท็จจริง
+++นอกจากนี้ วางแนวทางหรือจัดทำโครงการแก้ไขปัญหา โดยมีหลักการสำคัญ ซ่อม เสริม สร้าง คือ กรณีมีแหล่งน้ำแต่ชำรุด ให้ซ่อมให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ กรณีมีแหล่งน้ำแต่ใช้ไม่เต็มศักยภาพให้จัดทำโครงการเพื่อเสริมศักยภาพ และ กรณีขาดแคลนแหล่งน้ำ ให้จัดทำโครงการเพื่อสร้างแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคหรือเพื่อการเกษตร รวมถึงให้รวบรวมข้อมูลผลการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำและการแก้ไขปัญหาในช่วงปี 2559 หากเกินศักยภาพให้แจ้งกระทรวงมหาดไทยเพื่อขอสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้จะมีการคัดเลือกพื้นที่ต้นแบบเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับพื้นที่อื่นๆ ต่อไป
+++นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึง การพิจารณาคุณสมบัติของกรรมการในองค์กรอิสระ ประธาน กรธ.กล่าวว่า รัฐธรรมนูญกำหนดให้คณะกรรมการสรรหาเป็นผู้พิจารณาว่า กรรมการองค์กรอิสระชุดปัจจุบัน ใครขาดคุณสมบัติจนต้องพ้นจากตำแหน่งบ้าง เชื่อมั่นในการตัดสินใจของคณะกรรมการดังกล่าว เพราะถือเป็นผู้มีตำแหน่งในสังคม มีความรู้ความสามารถ ยืนยัน กรธ. ไม่มีเจตนาให้บุคคลใดต้องพ้นจากตำแหน่ง เพราะระหว่างที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ ไม่เคยปิดบังเรื่องคุณสมบัติ มีการพูดคุยถึงประเด็นดังกล่าวอย่างเปิดเผย และต่อเนื่อง หลายฝ่ายก็ยอมรับมาตรฐานดังกล่าวร่วมกันแล้ว
+++นายมีชัย กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองว่า ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว แต่หลังรับฟังความเห็นจากหลายฝ่าย ได้นำมาทบทวนเนื้อหาโดยตลอด เช่น บทลงโทษการซื้อขายตำแหน่งรัฐมนตรีและข้าราชการระดับสูง ที่มีผู้ทักท้วงว่าโทษประหารชีวิต รุนแรงเกินไป กรธ. จึงเตรียมปรับแก้ไขให้โทษสูงสุดคือประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต แต่ส่วนตัวเห็นว่าโทษประหารชีวิตไม่ได้รุนแรงไปกว่ากฎหมายอื่น เช่นโทษคดียาเสพติด คดีข่มขืน
+++นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3 ปี 2559 ขยายตัวร้อยละ 3.2 เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนใกล้เคียงกับที่ ธปท.ประเมินไว้ โดยเศรษฐกิจมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากการบริโภคภาคเอกชนที่ยังขยายตัวดีต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ประกอบกับภาคการส่งออกสินค้าที่มีสัญญาณดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไปยังคงต้องติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะผลกระทบจากแนวนโยบายของสหรัฐฯที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านหลังการเลือกตั้ง ความคืบหน้าของการจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญฯ รวมถึงความต่อเนื่องในการฟื้นตัวของภาคการส่งออกสินค้า ตลอดจนการลงทุนภาคเอกชนที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
+++นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พอใจกับตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ปีนี้ ที่ร้อยละ 3.2 แม้ว่าการใช้จ่ายภาครัฐชะลอตัวเล็กน้อย แต่แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจยังไปได้ดีจากปัจจัยหลายส่วน และเมื่อเทียบกับต่างประเทศนับว่าดีกว่าหลายประเทศในไตรมาส 3 เพราะสิงคโปร์ขยายตัวร้อยละ 0.6 เกาหลีขยายตัวร้อยละ 2 ส่วนประเทศเพื่อนบ้านแม้ตัวเลขจะสูง ทั้งลาว กัมพูชา เมียนมาร์ เนื่องจากขนาดเศรษฐกิจยังต่ำกว่าไทยหลายเท่า รัฐบาลจึงต้องหาทางดูแลในด้านที่มีศักยภาพ เช่น การท่องเที่ยว เพื่อนำรายได้เข้าประเทศ เพราะการใช้จ่ายช่วงนี้ยอมรับว่าชะลอตัว แต่หากด้านสาขาใดอ่อนแรง กระทรวงการคลัง และธปท. เตรียมพร้อมออกมาตรการเข้ามาดูแล โดยเฉพาะการช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยในชุมชนเมือง เพื่อมีรายได้ยังชีพในเมืองหลวง หลังจากได้ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยกลุ่มเกษตรกร
+++สำหรับในปี 2560 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจขยายตัวได้ร้อยละ 3-4 นายกรัฐมนตรีได้มุ่งเน้นการสร้างสมดุลจากภายในประเทศ ทั้งการพัฒนาภาคเกษตรและอุตหสากรรม ให้เติบโตอย่างเข้มแข็งไปพร้อมกัน รองรับการพัฒนาประเทศตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวยจากภายใน ดังนั้นการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 นายกฯ เน้นการจัดทำงบประมาณแบบบูรณาการแบบกลุ่มจังหวัด ด้วยการให้กลุ่มจังหวัดร่วมกับทั้งภาค องค์กรท้องถิ่น ส่วนราชการระดับท้องถิ่น เสนอแผนของบประมาณพัฒนา ถนน โครงสร้างพื้นฐาน การท่องเที่ยวในถิ่น เพื่อนำงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนับแสนล้านบาท มาใช้ให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมท้องถิ่นแปรรูปสินค้าเกษตร การท่องเที่ยว พัฒนาการผลิต การเสนองบประมาณในอนาคตจะเปิดทางให้การผ่านท้องถิ่น นอกเหนือจากการเสนอแผนพัฒนาจากส่วนกลาง
+++หุ้นไทย ปิดตลาดภาคบ่ายเพิ่มขึ้น 4.44 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,478.30 จุด มูลค่าการซื้อขาย 38,130.13 ล้านบาท
+++ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 13.57 จุด ปิดที่ 22,357.78 จุด ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย
+++ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 18,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 เดือนในวันนี้ เนื่องจากการอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องของเงินเยนได้กระตุ้นให้เกิดความหวังว่า กำไรของบริษัทญี่ปุ่นที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศจะฟื้นตัวขึ้นด้วย ดัชนีนิกเกอิ ปิดพุ่งขึ้น 138.61 จุด แตะที่ 18,106.02 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.ปีนี้
CR:คลังภาพ รัฐบาลไทย