+++การลงพื้นที่ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.) ลงพื้นที่ดูการบริหารจัดการน้ำการเกษตร คลองระพีพัฒน์ บริเวณประตูน้ำที่ 8 เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่การเกษตร รับฟังการบรรยายสรุปจากกรมชลประทาน จากนั้น เยี่ยมประชาชน ขอความร่วมมือในการปัญหา อย่ามองเพียงหมู่บ้านของตัวเอง เพราะประเทศไทยมีกว่า 8 หมื่นหมู่บ้านที่อาจจะลำบากกว่า มีปัญหาแตกต่างกัน ปริมาณน้ำ และปลูกพืชต่างกัน บางพื้นที่ต้องยอมเสียสละเป็นพื้นที่รับน้ำ เพื่อรักษาส่วนใหญ่จึงต้องสร้างความเข้าใจในเรื่องนี้ และในอนาคตไม่แน่ว่าใครจะเป็นนายกฯ ในส่วนตัวไม่ได้มองเพียงในประเทศ แต่ต้องมองภาพต่างประเทศด้วย ต้องคุยกันทุกเรื่อง ทั้งเรื่องราคาข้าว หรือเรื่องน้ำ แต่ที่สำคัญต้องลดต้นทุนให้ได้ พร้อมทั้งขอให้กำลังใจข้าราชการในการทำงานด้วย
+++นายกฯ กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม แต่จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความเสียหายในช่วงน้ำท่วม จึงต้องปรับโครงสร้างให้เสียหายน้อยลง โดยในพื้นที่รับน้ำหรือแก้มลิง รัฐบาลก็จะชดเชยให้ แต่หากปลูกพืชพร้อมกันหมดแล้วมาขอชดเชย รัฐบาลจะนำงบประมาณจากไหน เข้าใจว่าทุกคนมีปัญหา โดยเฉพาะหนี้สินชาวนามากกว่างบประมาณแผ่นดินอีก ซึ่งรัฐบาล พยายามหาทางชะลอหนี้ และนำหนี้เข้าสู่ระบบ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าวันนี้ทำอย่างที่พูด เชื่อว่าจะดีขึ้น ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก ขอเพียงอย่าตีกันเท่านั้น ในส่วนตัวเข้ามาทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านเท่านั้น ต้องขึ้นอยู่กับทุกคน ประชาชนต้องมีความคิดของตัวเองและเลือกคนที่ดีเข้ามา ต้องคิดนอกกรอบ แต่ต้องเอามาอยู่ในกรอบให้ได้ และขอให้ยึดหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
+++การนัดสืบพยานจำเลยในคดีโครงการรับจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมทีมทนาย เดินทางมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยถึงการขอทุเลาคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าวว่า ได้ยื่นขอให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองถึงรัฐบาล แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ ยืนยันว่าจะใช้สิทธิทุกขั้นตอนที่มีภายใต้กรอบเวลาของกฎหมาย ขณะนี้เป็นหน้าที่ของทีมทนาย และฝ่ายกฎหมาย ส่วนจะยื่นต่อศาลปกครองเพื่อขอทุเลาคำสั่งเมื่อใด จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง รวมถึงเรื่องการฟ้องกลับด้วย ส่วนกรณีที่รัฐบาลเตรียมเอาผิดทางละเมิดกับผู้เกี่ยวข้องอีกร้อยละ 80 ขอให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกคน และทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกระบวนการของกฎหมาย อย่าเร่งรัด การเดินทางมาศาลในวันนี้ มีอดีตรัฐมนตรี แกนนำพรรค อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และกลุ่มชาวนา มาให้กำลังใจ
+++เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 สนธิกำลังตำรวจท่องเที่ยวและหน่วยอรินทราช 26 บุกค้น 42 จุด ทั่วกรุงเทพมหานคร เป็นการปล่อยแถวระดมกวาดล้างครั้งที่ 2 ในรอบสองสัปดาห์ เพื่อปิดล้อมตรวจค้นในกลุ่มเป้าหมาย 42 จุด ทั่วกรุงเทพมหานคร หลังมีการสืบทราบว่ามีความเกี่ยวพันกับการค้าอาวุธปืนผ่านเว็บไซต์ ในพื้นที่อำเภอบางเสาธง
จ.สมุทรปราการ ได้ค้นบ้านเลขที่ 339 ชุมชนตึกแดง เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร หนึ่งในเป้าหมาย ซึ่งมีนายวินัย กิ่งพยอม พนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย ตำแหน่งช่างเครื่องหัวรถจักร ระดับ 5 เป็นเจ้าของบ้าน ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืน ปืนอัดลม บีบีกัน และประทัดยักษ์ เจ้าหน้าที่หน่วยอีโอดี จึงเข้าสแกนในพื้นที่บ้านพัก เพื่อค้นหาเชื้อปะทุที่อาจซ่อนอยู่
+++จากการขยายผลการจับกุมผู้ค้าอาวุธปืนในพื้นที่อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ พบว่ายังมีปืนมากกว่า 150 กระบอก ถูกส่งขายผ่านไปรษณีย์ หลงเหลืออยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งตำรวจกำลังแกะรอยเพื่อหาผู้ครอบครองทั้งหมด
+++ผลการกวาดล้าง 42 จุดวันนี้ ตำรวจพบปืนของกลาง 27 จุด รวม 16 กระบอก เครื่องกระสุน 700 นัด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นหนึ่งในมาตรการปิดล้อมกวาดล้างตรวจค้นเพื่อป้องกันอาชญากรรมในเขตเมืองหลวง โดยตำรวจ ยืนยันจากปราบปรามพวกขายอาวุธผ่านเว็บไซต์ให้หมดสิ้น
+++พลตำรวจตรีสุรเชษฐ หักพาล รักษาการผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 บอกว่า จะเดินหน้าปิดล้อมตรวจค้นเช่นนี้เป็นประจำเพื่อกวาดล้างสิ่งผิดกฎหมาย อาวุธสงคราม ที่ซุกซ่อนอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
แฟ้มภาพ