ศาลยกฟ้อง ครูแขก คดีครอบครองระเบิด สมานเมตตา แมนชั่น

17 พฤศจิกายน 2559, 17:22น.


วันนี้ ศาลอ่านคำพิพากษาคดี ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.อัมพร ใจก้อน หรือครูแขก อายุ 56 ปี ชาวจังหวัดเชียงใหม่ เป็นจำเลย ในความผิดฐานมีวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่องและกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2590 มาตรา 4, 38 และ 74 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างต้นเดือนมิ.ย. - 5 ต.ค. 2553 จำเลยกับพวกซึ่งเป็นแนวร่วมหรือเป็นผู้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ได้มีเจตนาร่วมกันมีวัตถุระเบิด ประกอบด้วย วัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่อง จำนวน 5 ลูก (ถัง) ที่ประกอบเป็นวัตถุระเบิดแสวงเครื่องโดยใช้วงจรตั้งเวลา 1 สัปดาห์ ประกอบกับวัตถุระเบิดแรงต่ำ ชนิดดินเทาและยูเรีย น้ำหนักประมาณ 20 กก. ซึ่งเป็นวัตถุระเบิดหลักบรรจุไว้ในถังดับเพลิงและถังน้ำยาแอร์ รวมถึงมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ไว้ในครองครองได้ และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ประกอบด้วย ปืนเล็กกล (AK47) ขนาด 7.62 มม. รัสเซียน เลขประจำปืน 601098 จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวอีกจำนวน 129 นัด เหตุเกิดที่ ต.โสนลอย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี



ทั้งนี้ในชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ซึ่งระหว่างการพิจารณาได้รับการปล่อยชั่วคราว โดยศาลตีราคาประกัน 200,000 บาท แต่นางอัมพร จำเลย ยังถูกดำเนินคดีที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ฐานทำให้เกิดระเบิดอีก 1 สำนวน ซึ่งไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราวในชั้นฝากขัง ดังนั้นนางอัมพร จึงถูกขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี



วันนี้ศาลได้เบิกตัวจำเลยมาเพื่อฟังคำพิพากษาในคดีนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานและข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุในฟ้อง มีคนร้ายได้ร่วมกันมีวัตถุระเบิดและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่ โดยฝ่ายโจทก์มีนายตำรวจ 2 รายเป็นพยานโจทก์เบิกความเกี่ยวกับข้อเท็จจริงว่า เมื่อช่วงปี 2553 ได้เกิดเหตุที่สมานเมตตาแมนชั่น และมีผู้เสียชีวิต โดยโจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายเบิกความถึงการสอบสวนด้วยการไปสังเกตการณ์ในที่เกิดเหตุ



ขณะที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจ แต่โจทก์ไม่มีพยานที่รู้เห็นขณะเกิดเหตุ และก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้เห็นจำเลยได้ร่วมนำวัตถุระเบิดไปไว้ในห้องเกิดเหตุ ซึ่งข้อเท็จจริงที่ได้จากผู้ดูแลอพาร์ทเม้นท์ระบุเพียงว่า ได้ดูแลอาคารโกมลอพาร์เม้นท์ ที่ให้เช่าเท่านั้น แต่ไม่ได้ดูแลอาคารสมานเมตตาแมนชั่น พยานโจทก์ที่นำสืบมาจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ ประกอบกับจำเลยให้การปฏิเสธมาโดยตลอดข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามโจทก์ฟ้อง พิพากษายกฟ้อง  ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษายกฟ้อง นางอัมพร จำเลยถึงกับร้องไห้ และได้พูดคุยกับสามีชาวต่างชาติ ที่มาให้กำลังใจด้วย

ข่าวทั้งหมด

X