เพิ่มจุดคัดกรองเข้าสักการะพระบรมศพ/นายกฯประชุมนบข.พรุ่งนี้อุ้มข้าวเหนียว/เกาหลีขู่ดำเนินคดีโคตรฮิต ยุติทำซับไทย

ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.

+++สำนักพระราชวังแจ้งสรุปยอดประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน มีจำนวนทั้งสิ้น 29,669 คน รวม 18 วัน มี 530,585 คน และมีประชาชนทูลเกล้าฯ ถวายเงินในการบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 2,370,406 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 36,338,384.75 บาท พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ (อปส.) เปิดเผยถึงกิจกรรมรวมพลังแห่งความภักดี เพื่อประกาศความจงรักภักดีและร่วมกันน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพปีที่ 89 ในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ว่า ในส่วนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเป็นประธานนำกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณในวันที่ 22 พฤศจิกายน เวลา 08.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล

+++นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า เนื่องจากรัฐบาลให้ประชาชนเข้ามาถวายพระบรมศพพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ทำให้ถนนบางเส้นต้องปิดการจราจร รวมถึงในวันเสาร์อาทิตย์ ต้องปิดการจราจรให้วิ่งทางเดียวในถนนราชดำเนินกลางและราชดำเนินนอก กทม.จึงร่วมมือกับเจษฎาเทคนิคมิวเซียมนำรถเมล์โบราณ 5 คัน มีรถลอนดอนบัส 2 ชั้น จำนวน 2 คัน และรถซานฟรานซิสโกอีก 2 คัน คอยให้บริการประชาชน 2 เส้นทาง คือ ถนนราชดำเนินในตลอดสาย และบริเวณหน้าถนนเจษฎาบดินทร์ผ่านถนนพระอาทิตย์ถึงถนนพระสุเมรุ ตั้งแต่ 09.00-18.00 น. ทุกวัน มีประชาชนมาใช้บริการเกือบ 10,000 คนต่อวัน สถิติตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม-15 พฤศจิกายนมีประชาชนใช้บริการ 236,084 คน

+++พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งให้เพิ่มช่องทางในการเข้าจุดคัดกรองต่างๆ 3 จุด ได้แก่ บริเวณท่าช้าง บริเวณถนนพระจันทร์ และบริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์ เพื่อแก้ปัญหาไม่ให้เกิดคอขวดขึ้นและระบายการเข้า-ออกของประชาชนได้เร็วขึ้น แต่ไม่เพิ่มจุดคัดกรอง ผบ.ตร.สั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวเร่งประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวทราบถึงระเบียบการปฏิบัติตนในการเข้ามาในพื้นที่สนามหลวง การติดตามบุคคลสูญหายพลัดหลง ปัจจุบันมีเกือบ 200 ราย มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ เบื้องต้นให้ผู้ปกครองหรือญาติรับตัวไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนกรณีการปลอมแปลงธนบัตรปี 2549 หรือจำหน่ายของที่ระลึกในราคาสูงเกินกว่าเหตุ ผบ.ตร.สั่งการให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ดูแลเรื่องนี้ และจัดชุดปฏิบัติการทั้งสิ้น 16 ชุด ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ค้าทราบ สิ่งใดไม่ควรกระทำ ส่วนการดูแลผู้สูงอายุที่ใช้วีลแชร์ ตำรวจได้ให้ความสำคัญและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ พร้อมสั่งการให้กองบัญชาการ (บช.) ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนนายร้อยตำรวจ มาบริการให้กับพี่น้องประชาชนด้วย

++++ ในวันนี้ 15.00น.นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร จะเดินทางไปตรวจสถานที่ในการเตรียมการจัดสร้างพระโกศจันทน์ ณ สำนักช่างสิบหมู่ พุทธมณฑล สาย 5 จ.นครปฐม

+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (คนพ.) ครั้งที่ 1/2559 ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล ส่วนในวันพรุ่งนี้  พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้นัดประชุมเพื่อหารือกำหนดมาตรการรับมือผลผลิตข้าวเหนียว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมจังหวัด และข้าวขาวไปแล้ว พร้อมทั้งจะมีการติดตามความคืบหน้าโครงการชะลอการขายข้าวเปลือก และสถานการณ์ผลผลิตข้าวที่กำลังออกสู่ตลาด

+++พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ ตามวาระปกติทุกวันพุธ แต่การประชุมครั้งนี้ผ่านไปได้ไม่กี่วาระ ต้องเลิกประชุมกลางคัน เมื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแจ้งล่วงหน้าประมาณ  20 นาทีว่าจะมาตรวจเยี่ยมตามแผนการทำงานของนายกรัฐมนตรีที่อยากเห็นสภาพการทำงานจริงของกระทรวงต่าง ๆ โดยไม่มีการจัดฉาก และไม่แจ้งล่วงหน้า ภายหลังการตรวจเยี่ยมประมาณ  2 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รู้สึกดีที่เห็นสื่อมวลชนตามมาทำข่าวอย่างมากมาย แสดงให้เห็นว่ากระทรวงเกษตรฯ เป็นกระทรวงสำคัญ พร้อมชื่นชมพลเอกฉัตรชัย  และนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรฯ รวมทั้งข้าราชการทุกคนที่ทำงานอย่างแข็งขัน โดยเฉพาะการเปิดศูนย์จำหน่ายข้าวช่วยชาวนาในช่วงที่ราคาข้าวตกต่ำ  นายกรัฐมนตรีได้มาให้กำลังใจการทำงานและต้องการให้เกษตรกรมีรายได้ประจำวัน พร้อมตั้งเป้าเกษตรกรจะต้องมีรายได้  390,000 บาทต่อคนต่อปี ตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีนับจากนี้.

+++ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงได้ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยภายใต้โครงการประชารัฐลงพื้นที่ไปยัง จ.ยโสธร เพื่อติดตามสถานการณ์ข้าว ซึ่งพบว่า ขณะนี้สถานการณ์ราคาข้าวปรับตัวดีขึ้น หลังจากที่รัฐบาลได้มีมาตรการช่วยเหลือออกมา และในด้านการขายข้าว กระทรวงได้แจ้งว่ามีแผนที่จะช่วยเหลือชาวนาให้ขายข้าวได้เอง โดยจะจัดอบรมให้เป็นรายกลุ่ม และใช้ช่องทางการตลาดออนไลน์ในการขายข้าว รวมทั้งพร้อมที่จะสนับสนุนในด้านการลดต้นทุนให้กับชาวนาอย่างต่อเนื่อง

+++นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า สถานการณ์ราคาจำหน่ายข้าวสารล่าสุด ณ วันที่ 16 พ.ย.2559 สมาคมโรงสีข้าวไทยรายงานราคาขายส่งข้าวหอมมะลิ 100% ในกรุงเทพฯ ตันละ 16,700-17,500 บาท ข้าวหอมปทุม ตันละ 12,500-13,000 บาท ขณะที่ข้าวขาว 5% ตันละ 10,800-11,000 บาท ซึ่งเป็นราคาเฉลี่ยที่ทรงตัว ส่วนราคาข้าวสารส่งออก (F.O.B.) จากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ปรับตัวเลขล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2559 พบว่าข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (2558/59) มีราคาขายตันละ 725 เหรียญสหรัฐฯ ข้าวหอมปทุมราคาตันละ 491 เหรียญสหรัฐฯ และข้าวขาว 5% ตันละ 369 เหรียญสหรัฐฯ โดยราคาข้าวเปลือกหอมมะลิปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ตันละ 10,000 บาท.

คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)ได้จัดการสัมมนารับฟังความเห็นต่อการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ยืนยันถึงการกำหนดคุณสมบัติกรรมการองค์กรอิสระที่เพิ่มมากขึ้น และการพ้นจากตำแหน่งหากไม่ตรงตามคุณสมบัติก็ต้องพ้นสภาพเหมือนกันทุกองค์กร ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติ โดยมีเจตนาต้องการยกระดับคุณสมบัติให้มีความเหมาะสมมากขึ้น และการกำหนดในกฎหมายลูกต้องเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้

ส่วนแนวคิดยกเลิก กกต.ประจำจังหวัดนั้น นายมีชัย กล่าวว่า เป็นผลจากการศึกษา ไม่ได้เกิดจากความฟุ้งซ่านเพราะมีการสำรวจความเห็นประชาชน มีไม่ถึงร้อยละ 5 ที่วางใจ กกต.จังหวัด อีกทั้งการมีอำนาจสิทธิ์ขาดในพื้นที่ ไม่เหมาะสมกับการคัดเลือกเข้ามา ซึ่งต่างจาก กกต.กลาง ที่มีการสรรหา และไม่มีความจำเป็นต้องประจำเพราะการเลือกตั้งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ส่วนการอ้างถึงการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่ท้องถิ่นจัดการ

ในการสัมมนาครั้งนี้มี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ซึ่งเป็น 1 ใน 2 กกต.ที่สุ่มเสี่ยงจะถูกโละทิ้งเนื่องจากอาจจะมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติที่กำหนดขึ้นมาเพิ่มเติมในร่างพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต. เข้าร่วมรับฟังด้วย พร้อมกับเสนอความเห็นต่อที่ประชุมว่าร่างกฏหมายลูกกกต.เสนอมาเป็นคนละเรื่องกับที่กรธ.เขียน  จากนั้นนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ทาง กรธ. ได้เพิ่มเนื้อหาของร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต.ไว้เยอะ อย่างผู้ชี้เบาะแสการทุจริตการเลือกตั้งก็เป็นบทบาทใหม่ที่กรธ.เพิ่มให้ คล้ายๆกับข้อมูลของสำนักข่าวกรอง ที่เป็นข้อมูลมาจากประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่เปิดเผยตัว เพราะเปิดเผยตัวก็อาจถูกยิงตายได้ รัฐบาลจะใช้ข้อมูลเหล่านี้ ซึ่งเวลากกต.จะไปทำงานก็ต้องมีข้อมูลพวกนี้ไว้ใช้เป็นเบาะแสเพื่อหาข้อมูลไปใช้ในชั้นศาลได้ เพราะการมีข้อมูลเช่นนี้ไว้ การจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบเพื่อได้ข้อมูลนำกลับมารายงานกกต.ได้

ส่วนที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ระบุว่าการพ้นจากตำแหน่งควรพ้นจากตำแหน่งกกต.ควรพ้นจากวาระหรือทำผิดวินัยมากกว่าขัดคุณสมบัติดูจะไม่เป็นธรรม นายมีชัย กล่าวว่า ขอเลิกพูดถึงได้แล้ว เพราะในรัฐธรรมนูญเขียนเช่นนั้น ที่ผ่านมา กรธ.ก็พยายามหาช่องทาง แต่ไม่มีช่องเปิดไว้ แม้ว่า ในร่างรัฐธรรมนูญจะบอกว่า การอยู่ต่อไปของกรรมการองค์กรอิสระให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ แต่การจะกำหนดอะไรในพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญก็ต้องคำนึกถึงร่างรัฐธรรมนูญด้วย

+++การกวาดล้างอาชญากรรม เมื่อเวลา 07.00 น. วันนี้ พล.ต.อ ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะเดินทางไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อแถลงผลระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ตามนโยบายของรัฐบาล ก่อนจะเดินทางไปยังศาลมณฑลทหารบกที่ 43 เพื่อส่งสำนวนการสอบสวน นายอับดุลกอเดร์ สาแล๊ะ ผู้ต้องหา คดีระเบิดและวางเพลิง 7 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ก่อเหตุระเบิด บริเวณห้างลีมาร์ท ซุปเปอร์ค้าส่ง ถนนหน้าสถานีรถไฟตรัง เมื่อวันที่ 12 ส.ค. โดยขณะนี้นายอับดุลกอเดร์ ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำศาลทหารทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช  พล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า การเดินทางไปยังศาลมณฑลทหารบกที่ 43 เนื่องจากสำนวนการสอบสวนเสร็จสิ้น ผบ.ตร. เซ็นอนุมัติ และแม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธแต่ตำรวจมั่นใจพยานหลักฐานที่มี สำหรับคดีระเบิดและวางเพลิง 7 จังหวัดชายแดนใต้ สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้แล้ว 12 คน จับกุมตัวได้ 2 คน

+++ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) สั่งการให้ตั้งกรรมการเพื่อตรวจสอบทางวินัยเจ้าหน้าที่ทั้ง 2ราย พร้อมกับมีคำสั่งให้พักราชการทั้งคู่เอาไว้ก่อนแล้ว คือ พ.ต.หญิง นาฏยา มุตตามระ ผอ.ส่วนช่วยอำนวยการและประชาสัมพันธ์ และพ.ท.อมร มุตตามระ (เคยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการสมัย นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีดีเอสไอ) โดยทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ทั้งนี้หลักฐานในการตรวจสอบธุรกรรมการเงินของกลุ่มนายหน้าขายที่ดินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ให้กับบริษัท พิษณุโลก เอทานอล จำกัด พบว่ามีการหักค่านายหน้าในการขายที่ดิน 60 ล้านบาท ซึ่งเงิน 40 ล้านบาท เชื่อมโยงกับข้าราชการทั้งสองรายเป็นผลสืบเนื่องมาจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 42/2559 ซึ่งเป็นคดีฟอกเงิน สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด ในกลุ่มของนายหน้าขายที่ดิน ซึ่งเชื่อมโยงกับการนำที่ดินของสหกรณ์ไปขายให้กับ บริษัท พิษณุโลก เอทานอล จำกัด โดยจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอทั้ง 2 ราย เข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกรรมการเงินที่มาจากการซื้อขายที่ดินด้วย โดยพบพยานหลักฐานเป็นเช็คสั่งจ่ายโดย นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ผู้ต้องหา และอดีตประธานสหกรณ์ฯคลองจั่น ซึ่งมีการถ่ายโอนหลายทอดไปปรากฏในบัญชีเงินฝากของข้าราชการดังกล่าวเป็นเงิน 20-40 ล้านบาท ทั้งนี้ยืนยันว่า ดีเอสไอจะดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย

+++ด้าน นายธรรมนูญ อัตโชติ ประธานชมรมฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ก้าวหน้า พร้อมด้วยตัวแทนสมาชิกสหกรณ์กว่า 40 คน ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด เพื่อสอบถามปัญหาและขอให้เร่งรัดคดีฟอกเงินและรับของโจรที่ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ และ พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย พร้อมกับพวกรวม 5คน ตกเป็นผู้ต้องหาซึ่งสมาชิกสหกรณ์ที่เดินทางมาร้องหลายคนได้ตั้งข้อสงสัยและสอบถามผู้แทนอัยการถึงเหตุที่ยังไม่สั่งฟ้องผู้ต้องหา ทั้งที่ดีเอสไอได้ส่งสำนวนมาให้หมดแล้ว โดยกลุ่มผู้เสียหายได้ต้องการคำตอบที่ชัดเจนทางคดีมากกว่านี้ จึงอาจจะมีการนัดกลุ่มเพื่อไปยื่นหนังสือสอบถามต่ออัยการเจ้าของสำนวนก่อนวันนัดฟังคำสั่งคดีในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ พร้อมทั้งหารือกันถึงแนวทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อร้องเรียนให้ทราบถึงความเดือดร้อนจากการที่ไม่ได้รับการเยียวยากรณีทุจริตที่เกิดขึ้น

+++เรื่องที่สร้างปรากฎการณ์ให้กับคอซีรีย์ชาวไทย ต้องผิดหวังเสียใจอย่างหนัก เมื่อเว็บไซต์ โคตรฮิต ดอทคอม (www.kodhit.com) เว็บซีรีย์เกาหลีบรรยายไทย หรือ ซับไทย ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนดูละครเกาหลี ได้ออกประกาศยุติการทำซับไทย ของละครเกาหลีทั้งหมดที่มาจากช่อง SBS และ MBC ของเกาหลีใต้ เนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย