การเตรียมการด้านการจราจรหลังปิดสะพานข้ามแยกรัชโยธิน นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) กล่าวว่า การดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (เหนือ)ฯ ช่วงหมอชิต –สะพานใหม่-คูคต ที่มีการก่อสร้างตัดผ่านแยกรัชโยธิน รฟม. มีความจำเป็นต้องปิดสะพานรัชโยธิน เพื่อรื้อสะพานและก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดแยกรัชโยธินทดแทนในแนวถนนรัชดาภิเษก มั่นใจว่า การก่อสร้างจะดำเนินการตามแผนที่วางไว้ ในช่วงของการรื้อสะพานจะใช้ระยะเวลา 2 เดือน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายเดือนมกราคม 2560 จากนั้นจะเร่งรัดสร้างอุโมงค์ทางลอดให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 2 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 โดยจะพยายามให้กระทบพื้นผิวการจราจร และประชาชนที่ใช้เส้นทางให้น้อยที่สุด การแก้ปัญหาดังกล่าว เชื่อมั่นว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพรองรับการจราจรบริเวณแยกรัชโยธินทั้ง 2 ทิศทางให้ดีขึ้น เนื่องจาก การประเมินพบว่า มีรถยนต์ประมาณ 2แสนคันต่อวันที่ใช้เส้นทางนี้
ด้านพลตำรวจโทวิทยา ประยงค์พันธุ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ถนนรัชดาภิเษก จะมีการปรับสัญญาณไฟจราจรทั้งฝั่งขาเข้าและขาออกให้เหมาะสมกับปริมาณของรถ เพิ่มช่องกลับรถด้านหน้าศาลอาญา รองรับปริมาณรถยนต์ได้มากขึ้น ส่วนบริเวณแยกรัชโยธินกำหนด 3 แนวทางที่เตรียมไว้ เช่น เปิดไฟทุกทิศทาง และปรับรอบให้เร็วขึ้น ปิดช่องทางเลี้ยวขวาในทุกทิศทาง ซึ่งหากทั้ง2 แนวทางยังไม่สามารถลดปัญหาได้ จะนำแนวทางที่ 3 คือ ปิดถนนพหลโยธินทั้งหมดมาใช้ ซึ่งทั้ง3 แนวทางจะปฏิบัติและนำมาประเมินผลไปพร้อมๆกัน ก่อนจะนำมาออกเป็นข้อบังคับกรุงเทพมหานคร ยืนยันว่า จะทำให้ดีที่สุด และเร็วที่สุด รวมถึงจะเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ
ส่วนกรณีประชาชนที่จะต้องใช้เส้นทางเลี่ยงในถนนสายหลักพื้นที่ใกล้เคียงเช่น ถนนวิภาวดีรังสิต อาจจะมีการเร่งระบายรถให้เร็วขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการรถบนทางด่วนให้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น
ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโครงการ ซึ่งขณะที่การปิดการจราจรบนสะพานรัชโยธิน จะแบ่งเป็น 3 ช่วง ได้แก่ วันที่ 22-23 พฤศจิกายน 2559 ปิดการจราจรตั้งแต่เวลา 10.00 - 15.00 น. , วันที่ 24 - 25 พฤศจิกายน 2559 ปิดการจราจรตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น. และวันที่ 26 พฤศจิกายน 2559 จะปิดเพื่อรื้อสะพานรัชโยธินตั้งแต่เวลา 01.00 น. เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้ประชาชนเผื่อเวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที เป็นอย่างน้อย
ผู้สื่อข่าว:พนิตา สืบสมุทร