กรมการขนส่งทางบก ลงพื้นที่ตรวจรถโดยสารสาธารณะ บริเวณอาคาร 1 ประตูทางออกหมายเลข 7 ท่าอากาศยานดอนเมือง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ 4 นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากท่าอากาศยานดอนเมืองและตำรวจท่องเที่ยว จ่าสิบเอกเสถียร คงแก้ว เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญงาน กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจในวันนี้เจ้าหน้าที่จะเน้นตรวจรถแท็กซี่ที่มาส่งผู้โดยสารในสนามบินเป็นหลัก เนื่องจากเป็นประเภทรถโดยสารสาธารณะที่เข้ามาภายสนามบินมากที่สุด โดยวันนี้เจ้าหน้าที่จะดูรถที่หมดอายุแล้วไม่ต่อทะเบียน เนื่องจากเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะทำให้ตามตัวได้ยาก โดยเจ้าหน้าที่จากกรมการขนส่งทางบกจะตรวจสอบรถที่หมดอายุและไม่ต่อทะเบียน ผ่านทางระบบงานทะเบียนรถยนต์ ซึ่งเมื่อใส่ข้อมูลเลขทะเบียนรถลงไปในระบบ ก็จะสามารถทราบผลได้ทันทีว่ารถแท็กซี่คันนั้นๆ หมดอายุแล้วหรือไม่ นอกจากนี้ยังตรวจรถแท็กซี่ที่มีป้ายทะเบียนสีแดง ซึ่งตามกำหนดแล้ว จะต้องรอ ให้เปลี่ยนเป็นป้ายเหลืองก่อนจึงสามารถที่จะนำมาวิ่งรับ-ส่งผู้โดยสารได้
นอกจากนี้ยังตรวจรถรับจ้างไม่ประจำทาง ที่นำกลุ่มนักท่องเที่ยวมาส่งที่สนามบิน โดยจะเน้นตรวจเรื่องการเพิ่มจำนวนเบาะที่นั่ง เนื่องจากจะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อตัวของผู้โดยสาร ที่จะมีจำนวนผู้โดยสารเกินกำหนด ซึ่งโดยปกติแล้ว รถรับจ้างไม่ประจำทาง ขนาดใหญ่ชั้นเดียวหรือรถทัวร์ จะต้องมีบอก ประมาณ 36-40 ที่นั่ง ส่วน รถในลักษณะสองชั้นมีประมาณ 40-45 ที่นั่ง จ่าสิบเอกเสถียร กล่าว่า ในระยะหลัง ที่เจ้าหน้าที่จากกรมการขนส่งทางบกได้ลงพื้นที่ตรวจ ภายในสนามบินดอนเมือง อยู่เป็นประจำ พบแท็กซี่ที่ผิดกฎหมายลดอย่างมาก
ด้านสิบตำรวจโทกีรติ ติ๊บเตปิน ผู้บังคับหมู่สถานี4 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า พื้นที่ในสนามบินเป็นส่วนความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ที่จะคอยตรวจตรา อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนตลอดเวลา โดยปัญหาหนึ่งที่พบล่อยในสนามบินดอนเมืองนั้น คือ ผู้โดยสารมักลืมของไว้ภายในรถแท็กซี่ หลังจากที่ลงรถมาแล้ว ซึ่งผู้โดยสารก็ไม่สามารถจำทะเบียนรถแท็กซี่ได้ ทำให้ยากต่อการตามของที่ลืมไว้ได้ จึงอยากฝากผู้โดยสารว่า ทุกครั้งที่ขึ้นรถไม่ว่าจะมายังสนามบินหรือไปสถานที่อื่นก็ตาม ให้จำทะเบียนรถแท็กซี่ที่นั่ง ซึ่งจะทำให้ตามตัวผู้ขับขี่ได้กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น
จากการลงพื้นที่ ของเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ตั้งแต่เวลา 07.00-09.30 น. พบรถ โดยสารสาธารณะกระทำผิด ทั้งสิ้น 11 ราย โดยแยกออกเป็น 2 ประเภท ประเภทรถยนต์หรือแท็กซี่ พบกระทำความผิด 7 ราย ประกอบด้วย ไม่นำรถไปจดทะเบียน 3 รายไม่ชำระภาษี 1 ราย ไม่นำรถไปตรวจรอบมิเตอร์ 2 ราย และอุปกรณ์ส่วนควบไม่ถูกต้อง 1 ราย ส่วนประเภทรถยนต์ขนส่งหรือรถรับส่งไม่ประจำทาง พบผู้กระทำผิด 4 ราย ซึ่งมีอุปกรณ์ส่วนควบไม่ถูกต้องโดยได้มีการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมภายในตัวรถ อาทิ เสริมเบาะ ติดไฟส่องสว่าง ด้านข้างรถ โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่จากกรมการขนส่งทางบกได้ออกใบคำสั่งผู้ตรวจการไป 2 รายและเปรียบเทียบปรับ 9 ราย
ผสข. เกตุกนก ครองคุ้ม