นิวซีแลนด์เร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่แผ่นดินไหว/ทรัมป์ประกาศเร่งจัดการผู้อพยพผิดกฎหมาย

15 พฤศจิกายน 2559, 06:15น.


หน่วยฉุกเฉินและเจ้าหน้าที่ป้องกันตนเองนิวซีแลนด์ อพยพนักท่องเที่ยวและชาวบ้านหลายร้อยคนออกจากเมืองไคคูรา บนเกาะใต้ หนึ่งวันหลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.8 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ศพทำลายอาคารบ้านเรือนหลายหลัง ตั้งแต่พื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางแผ่นดินไหว มาจนถึงกรุงเวลลิงตัน ซึ่งอาคารสูงหลายแห่งก็มีความเสียหายเกิดขึ้นเช่นกัน และยังมีแผ่นดินไหวระลอกย่อยหรืออาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายครั้ง เมืองไคคูราศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ห่างจากเมืองไครสต์เชิร์สไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 150 กม.ถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง เจ้าหน้าที่ต้องเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ทหารเข้าไปในพื้นที่ ทั้งเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยและการลำเลียงนักท่องเที่ยวออกมาจากพื้นที่ นายกรัฐมนตรีจอห์น คีย์ เดินทางไปติดตามสถานการณ์ด้วยตนเองและคาดว่าค่าใช้จ่ายสำหรับฟื้นฟูอาจสูงหลายพันล้านดอลลาร์



ส่วนการเมืองสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ แต่งตั้งบุคคลใกล้ชิด 2 คน ให้รับตำแหน่งสำคัญในทำเนียบขาว คือนายไรนซ์ พรีบัส อายุ 44 ปี ประธานคณะกรรมาธิการแห่งชาติพรรครีพับลิกัน หรือ อาร์เอ็นซี เป็นหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว และนายสตีฟ แบนนอน อายุ 62 ปี นักธุรกิจด้านสื่อสารมวลชนเจ้าของเว็บไซต์ Breitbart.com ซึ่งนำเสนอข่าวการเมืองแนวอนุรักษ์นิยม เป็นหัวหน้านักยุทธศาสตร์ และที่ปรึกษาอาวุโสหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว พร้อมทั้งยืนยันจัดการกับผู้อพยพผิดกฎหมายราว 3 ล้านคนเป็นวาระเร่งด่วน



นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังให้คำมั่นว่าจะไม่รับเงินเดือนประธานาธิบดี ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ปีละ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 14 ล้านบาท) แต่ตามกฎหมายกำหนดว่าในการทำงานต้องมีค่าตอบแทน นายทรัมป์จึงจะขอรับปีละ 1 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น (ราว 35 บาท)



ด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนโทรศัพท์แสดงความยินดีกับนายทรัมป์ และกล่าวด้วยว่า การรักษาและส่งเสริมความร่วมมือ คือหนทางเดียวในการรักษาความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี  ทั้งนี้ ตลอดเวลาในการหาเสียง นายทรัมป์กล่าวโจมตีจีนหลายครั้งโดยเฉพาะในประเด็นเศรษฐกิจ



ขณะที่ความขัดแย้งทางสังคม และความกังวลเพิ่มสูงขึ้นหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยมีการทำร้ายร่างกายในลักษณะที่เป็นการแสดงความเกลียดชังมากกว่า 200 คดี ตั้งแต่กรณีอุบัติเหตุบนท้องถนนที่กลายมาเป็นการทำร้ายร่างกาย ไปจนถึงในโรงเรียนที่มีการต่อต้านนักเรียนซึ่งแสดงความเห็นทางการเมือง



สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเผยว่า เศรษฐกิจไตรมาส 3 ขยายตัวร้อยละ 0.5 จากไตรมาสก่อนหน้า สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.2 และเมื่อเทียบต่อปี ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี เดือนกรกฎาคม-กันยายน ขยายตัวร้อยละ 2.2 สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.8



นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าการที่จีดีพีไตรมาส 3 ที่เติบโตเหนือความคาดหมายน่าจะช่วยให้บรรดาผู้กำหนดนโยบายในญี่ปุ่นรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น



สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจ ผลผลิตอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกของจีนในเดือนตุลาคมปีนี้ขยายตัวต่ำกว่าที่ตลาดคาดหมาย โดยผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 6.1 ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดไว้  ส่วนยอดค้าปลีกขยายตัวร้อยละ 10 แต่ยังต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และการลงทุนในสินทรัพย์คงทนของรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.5 ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนที่ครองสัดส่วนการลงทุนทั้งหมดร้อยละ 60 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9



รัฐบาลอินเดียประกาศเพิ่มวงเงินการเบิกถอนเงินสดอย่างจำกัด เพื่อบรรเทาความไม่พอใจจากการประกาศยกเลิกการใช้ธนบัตรราคา 500 รูปี หรือราว 266 บาท และธนบัตรราคา 1,000 รูปี หรือราว 532 บาท เพื่อแก้ปัญหาเงินนอกระบบ



น้ำมันในตลาดโลกยังคงเคลื่อนไหวในทางลบต่อเนื่อง เพื่อรอการประชุมของโอเปกในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ที่ยังมีความไม่ชัดเจนว่าจะสามารถบรรลุรายละเอียดในการลดกำลังผลิตหรือไม่ โดยในการประชุมที่แอลจีเรียเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน มีความเห็นให้จำกัดการผลิตเหลือราว 32 ล้าน 5 แสนบาร์เรลถึง 33 ล้านบาร์เรล



สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 9 เซนต์ ปิดที่ 43.32 ดอลลาร์ต่อบร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน



ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 32 เซนต์ ปิดที่ 44.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



ตลาดหุ้นสหรัฐ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 21.03 จุดหรือร้อยละ 0.11 ปิดที่ 18,868.69 จุด



เอสแอนด์พี ลดลง 0.25 จุด หรือร้อยละ 0.01 ปิดที่ 2,164.20 จุด



แนสแดค ลดลง 18.71 จุด หรือร้อยละ 0.36 ปิดที่ 5,218.40 จุด



      *-*



 



 

ข่าวทั้งหมด

X