นายกฯย้ำภาครัฐระวังการใช้จ่ายอย่าให้หนี้สาธารณะเกิน60% ให้ก.คลังแก้ยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ

11 พฤศจิกายน 2559, 15:58น.


การเดินทางตรวจเยี่ยมการบริหารงานของกระทรวงการคลัง  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมรับนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ว่ารัฐบาลได้เตรียมมาตรการรับมือความผันผวนจากนโยบายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯแล้ว เชื่อว่า จะสามารถรับมือได้ แต่ต้องรอความชัดเจนของนโยบายของผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ก่อน และขออย่าเพิ่งตกใจหรือตื่นตระหนกในเรื่องการส่งออก เพราะไทยไม่ได้ค้าขายกับสหรัฐฯเพียงประเทศเดียว รัฐบาลดำเนินแนวทางเศรษฐกิจ โดยเปิดตลาดและทำการค้ากับประเทศต่าง ๆ ทุกระดับ





ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายกฯ สั่งการให้กระทรวงการคลังทำแผนยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ตามนโยบายของรัฐบาล 6 เรื่อง และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) โดยมีสาระสำคัญ ดูแลความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ ให้เกิดความเป็นธรรม มีธรรมาภิบาล  นายกฯ ยังให้ความสำคัญกับเรื่องการลงทุน โดยให้ภาครัฐระมัดระวังด้านการใช้จ่าย ต้องไม่เป็นภาระกับรายจ่ายรัฐบาล ซึ่งมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่อยู่หลายโครงการและหลายปี โดยภาระหนี้สาธารณะต่อตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ต้องไม่เกินกรอบร้อยละ 60 ต่อจีดีพี เพราะจะทำให้รัฐบาลไม่สามารถดำเนินมาตรการอื่นได้ โดยปัจจุบันหนี้สาธารณะอยู่ที่ร้อยละ 42 ต่อจีดีพี



รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ที่เพิ่มมากขึ้นในระบบธนาคารพาณิชย์ ว่า สถาบันการเงินจะต้องแก้ไขเอ็นพีแอลที่เกิดขึ้น แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เอ็นพีแอลจะเพิ่มสูง เพราะเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี โดยจะต้องเร่งทำให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้นมาได้ทัน จากปัจจุบันขยายตัวกว่า ร้อยละ3 หากขยายตัวได้เต็มที่จะอยู่ที่ร้อยละ 4 ซึ่งถ้าขยายตัวได้ต่ำก็ไม่เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น เอ็นพีแอล ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ทำให้จีดีพีในปัจจุบันโตกว่าร้อยละ 3



ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า นายกฯ มอบนโยบายให้กระทรวงการคลังดำเนินการไปสู่ กระทรวงการคลัง 4.0 ซึ่งต้องมีความพร้อมเรื่องข้อมูล และนำเอาเรื่องดิจิตอลมาใช้พัฒนาฐานข้อมูลให้เป็นแนวทางเดียวกัน และให้เตรียมทำแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ เพื่อเตรียมส่งมอบให้รัฐบาลหน้าfh;p



กรณีกระทรวงการคลังเรียกคืนภาษี 3,000 ล้านบาทจากบริษัท เชฟรอน(ประเทศไทย) จำกัด ภายหลังจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกาตีความน้ำมันสำเร็จรูปที่ส่งไปใช้ยังแท่นขุดเจาะของบริษัทเชฟรอนในพื้นที่ไหล่ทวีป ถือเป็นการส่งน้ำมันในราชอาณาจักร ต้องปฏิบัติพิธีการว่าด้วยการค้าชายฝั่ง ทำให้บริษัทเชฟรอน ต้องเสียภาษี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้สอบถามรมว.คลัง บอกว่าคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นกำลังตรวจสอบในเรื่องนี้อยู่ แต่ยังไม่ส่งผลสอบมา ปลัดกระทรวงการคลังพร้อมชี้แจงทุกเรื่องว่าตามขั้นตอนกฎหมาย



CR:คลังภาพ รัฐบาลไทย 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X