ภายหลังการประชุมงานด้านความมั่นคง ระหว่าง ตำรวจและทหาร พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญลาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยผลการประชุมวันนี้ ว่าเป็นการหารือ เพื่อทำความเข้าใจ เรื่องการแสดงสัญลักษณ์ของกลุ่มประชาชนที่มีความคิดเห็นต่างจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เนื่องจาก เหตุการณ์ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนคสช.ไปยื่นหนังสือคัดค้านสหรัฐอเมริกา ที่หน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ทำให้ประชาชนบางส่วนเข้าใจว่า ตำรวจและทหาร เลือกปฏิบัติ ซึ่งพล.ต.อ.สมยศชี้แจงว่า การแสดงออกหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกา ไม่เข้าข่ายการแสดงออกทางการเมือง เนื่องจากไม่ได้มีท่าทีต่อต้านการทำงานของคสช.แต่เป็นความต้องการสื่อสารข้อมูลถึงประเทศสหรัฐอเมริกา และไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก เพราะเคยมีการยื่นหนังสือถึงประเทศออสเตรเลีย ในลักษณะเดียวกัน ซึ่ง ตำรวจและทหารก็ไม่ได้เข้าจับกุม ซึ่งหากมีการแสดงออกในลักษณะนี้อีก จะพิจารณาเป็นรายกรณีไป ว่าการแสดงออกต่างๆเกี่ยวข้องกับการแสดงออกทางการเมืองหรือไม่ หากการกระทำใดไม่ขัดต่อประกาศคสช. และไม่ผิดกฏหมายก็สามารถทำได้
นอกจากนี้การประชุมยังมีการเน้นย้ำ นโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะคสช. ที่เน้นย้ำการปฏิบัติกับผู้ชุมนุมที่มีความเห็นต่างโดยให้หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ให้ใช้วิธีการถ่ายรูป และติดตามตัวมาปรับทัศนคติ แทนการเข้าจับกุมทันที ส่วนการย้ำเร่งติดตามจับกุมบุคคลที่มีหมายจับ พลเอกประยุทธ์ ได้สั่งการให้เร่งดำเนินการโดยจะต้องไม่เลือกปฏิบัติ และต้องมีความเสมอภาคทางกฏหมาย
สำหรับกรณีของนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มีหมายจับในคดีของสถานีตำรวจสามเสน และหมายจับในคดีอาวุธส่งคราม ตอนนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมเอกสาร เพื่อส่งให้กองกลางต่างประเทศ แปลเอกสาร ก่อนนำส่งต่อให้อัยการสูงสุด จากนั้นจะนำส่งต่อให้กระทรวงต่างประเทศ เพื่อดำเนินการตาม สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
เช่นเดียวกับ พลโทมนัส เปาริก อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 ที่คาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับชายชุดดำที่ติดอาวุธในเหตุการณ์ปี 2553 ซึ่งพนักงานสอบสวนจะต้องเร่ง ตรวจสอบหลักฐานว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในปี 2553 จริงหรือไม่ หากมีความเชื่อมโยงก็ต้องดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป
....ผสข.บุศรินทร์