+++การดูแลความเรียบร้อยให้ประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ ในช่วงที่มีพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) 12-13พ.ย. และงานลอยกระทง 14พ.ย. พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)กล่าวว่า วันที่ 12-13 พ.ย.จะปิดการจราจร 27 เส้นทางรอบพระบรมมหาราชวังและสนามหลวง เหมือนช่วงวันหยุดสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ส่วนวันที่ 11 พ.ย.จะไม่อนุญาตให้นำรถเข้าไปภายในพื้นที่ มธ. เนื่องจากจะปิดพื้นที่ทำความสะอาด
+++เรื่องการดูแลความปลอดภัยทางน้ำ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ตรวจโป๊ะและท่าเทียบเรือในเขต กทม.ทุกท่า เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีปริมาณประชาชนเพิ่มมากขึ้น
+++พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า กทม.อยู่ระหว่างการปรับพื้นที่ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ ฝั่งด้านเหนือของท้องสนามหลวงจะกางเต็นท์บริการ 70 กว่าเต็นท์ หลังจากนี้ประชาชนที่รอเข้าถวายสักการะพระบรมศพจะพักรอในเต็นท์ทั้งหมด เตรียมจัดหาเก้าอี้หมื่นตัวเพื่อให้ประชาชนได้นั่งรอเข้าถวายสักการะ
+++พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำระบบลงทะเบียนออนไลน์ ว่าจากการสอบถามจากนายสมศักดิ์ ห่มม่วง ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ได้คุยกับสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (สรอ.) แล้ว ตัวโปรแกรมลงทะเบียนออนไลน์น่าจะเสร็จในวันที่ 14-15 พ.ย. จากนั้นจะต้องดูการเชื่อมต่อกับจังหวัดต่างๆ ทั้ง 77 จังหวัดว่าจะเกิดเสถียรภาพหรือไม่ และจะนำมากำหนดจุดปลายทางที่บริเวณใกล้กับพระบรมมหาราชวัง จะมีกองอำนวยการ เจ้าหน้าที่เทคนิคดูแล เมื่อทำเสร็จสิ้นจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ประชาชนเดินทางมาเองเป็นชุดใหญ่ ประชาชนมาจากการลงทะเบียนออนไลน์ ทั้งนี้จะต้องดูการบริหารคิวออนไลน์ให้มีความเสถียรและยุติธรรมและต้องจัดบริหารให้ 2 ส่วนได้เข้าไปอย่างยุติธรรมและเหมาะสม
+++อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่กำหนดจำนวนบุคคลจะลงทะเบียนออนไลน์ว่าต้องมีจำนวนเท่าใด ไม่ได้หมายความว่าใครจองก่อนได้ก่อน แต่คนที่มาเองตามอัธยาศัยต้องได้สิทธิเช่นเดียวกัน เพราะมาตั้งแต่04.00-0.500 น. ส่วนประชาชนไม่มีอินเตอร์เน็ตอาจจะใช้ช่องทางของศูนย์ดำรงธรรมหรือใช้ช่องทางจากจังหวัดและอำเภอ เพราะศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) มอบให้จังหวัดไปคุยกัน จากนั้นรัฐบาลจะนำมาประชุมปรึกษาเพื่อหารือกันอีกครั้ง
+++เรื่องการค้าการลงทุนหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ตลาดหุ้นไทย ปิดตลาดเมื่อเย็นนี้ 1,509.43จุด ลดลง 0.41 จุด มูลค่าการซื้อขาย 93,328.59 ล้านบาท ราคาทองคำปรับตัวผันผวน19ครั้ง ค่าเงินบาท ปิดที่ 34.92/93 บาทดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างวันเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวน
+++นักวิเคราะห์จากธนาคารพาณิชย์ ระบุว่า จึงต้องรอติดตามผลประมาณอีก 1 สัปดาห์ เหตุการณ์นี้คล้ายๆกับเหตุการณ์เบร็กซิต
+++นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.) กระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้สำนักงานส่งเสริมการค้า (ทูตพาณิชย์) ในสหรัฐฯ ติดตามสถานการณ์หลังการเลือกตั้ง และวิเคราะห์นโยบายจากที่ได้หาเสียงไว้ จะมีผลกระทบทางตรงและทางอ้อมอย่างไรบ้าง ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และการค้า โดยเฉพาะนโยบายกับคู่ค้าสำคัญของไทย อย่างจีนและอาเซียน เบื้องต้นระยะสั้นผลการเลือกตั้งไม่ว่า ใครได้เป็นประธานาธิบดีจะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกช่วงปลายปีนี้ สหรัฐฯ ยังเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญมีโอกาสเติบโตได้ ร้อยละ1-2 ในปีนี้ แต่ในระยะยาว อาจต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการนำมาตรการกีดกันทางการค้ามาใช้มากขึ้น
+++นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง กล่าวว่า สิ่งที่ไทยต้องจับตาคือ เรื่องของนโยบายด้านการค้าที่นายทรัมป์ ประกาศว่าจะเดินหน้าลงทุนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การจ้างงานภายใน และฟื้นฟูให้สหรัฐฯกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง มั่นใจว่า นาย ทรัมป์ จะไม่สานต่อการตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือทีพีพี ตรงนี้จะเกิดผลดีกับไทยที่ไม่ได้เข้าทีพีพีตั้งแต่แรก สิ่งที่ต้องจับตาคือ นโยบายด้านการค้าที่สหรัฐฯจะมีต่อเวียดนาม และจีน เพราะหากมีการลดการนำเข้าจาก 2 ประเทศดังกล่าวอาจจะกระทบไทยที่เป็นคู่ค้าสำคัญของจีน ส่วนการค้าโดยตรงไม่น่าจะกระทบอะไร เพราะไทยส่งออกไปสหรัฐฯในสัดส่วนร้อยละ 12 นอกจากนี้ต้องติดตามการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันที่ 14 ธ.ค. คาดว่าจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เพราะการประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปี
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 256.95 จุด ปิดที่ 18,589.69 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 23.70 จุด ปิดที่ 2,163.26 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 57.58 จุด ปิดที่ 5,251.07 จุด หลังจากมีเสียงเตือนมาหลายเดือนว่าการเข้าสู่ทำเนียบขาวของนายทรัมป์ ผู้สมัครจากรีพับลิกัน อาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนและอาจกระทบความเชื่อมั่น นอกจากนี้แล้วนายทรัมป์ ยังถูกคาดหมายด้วยว่าจะนำเสนอนโยบายต่างๆที่สนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานมากขึ้น
+++สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ ปิดที่ 45.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ ปิดที่ 46.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
+++ ส่วนราคาทองคำ ปิดลบในกรอบแคบๆ จากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 1.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,273.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) กล่าวว่า ที่ประชุมกนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.5 กนง.ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ต่อเนื่องในอัตราที่ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ก่อนหน้า แม้มีความเสี่ยงจากต่างประเทศเป็นประเด็นที่ กนง. ให้น้ำหนักค่อนข้างมาก
+++กนง. เห็นว่า เสถียรภาพการเงินโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี สามารถรองรับปัจจัยลบและความผันผวนในตลาดการเงินที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี แต่ต้องติดตามความเสี่ยงด้วย
+++เช้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ประจำปี 2559 วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ
CR:CNN Money