หลังการลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ข้าวและพบกับเกษตรกร ที่อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมหารือ ถึงมาตรการการช่วยเหลือชาวนา พร้อมกับรับฟังปัญหาของชาวนาในพื้นที่อำเภอบางมูลนาก โดยมีสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าภายใน และตัวแทนเกษตรกรอำเภอบางมูลนาก เข้าร่วมการหารือกว่า 2 ชั่วโมง
นางอภิรดี กล่าวว่า จากการร่วมหารือกับตัวแทนกลุ่มเกษตรกร เพื่อรับฟังปัญหา และสิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ รวมทั้งหาแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาข้าว โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้มีมาตรการที่จะนำผู้ซื้อจาก 15 ประเทศ 150 ราย เข้ามาพบเกษตรกรโดยตรง เพื่อทำการซื้อขายข้าว รวมถึงการจัดตลาดนัดข้าวเปลือกในจังหวัดพิจิตร ขึ้น 3 ครั้ง โดยให้ตัวแทนเกษตรกรเป็นผู้แจ้งข่าว เรื่องสถานที่และเวลาในการจัดอีกครั้ง เพื่อให้เกษตรกรนำข้าวที่เก็บเกี่ยวแล้ว มาจำหน่ายที่ตลาดนัดข้าวเปลือก ซึ่งถือเป็นการพบปะกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายอีกทางหนึ่งด้วย รวมทั้งเงินช่วยเหลือในการพัฒนาปรับปรุง หลังการเก็บเกี่ยว 2,000 บาท โดยพบว่า จังหวัดพิจิตร มีการปลูกข้าวขาวกอเดียว ซึ่งเป็นข้าวพิเศษพื้นเมือง ที่มีรสชาติอร่อยและเป็นที่ต้องการของตลาดญี่ปุ่น กระทรวงพาณิชย์ จึงจะมีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวขาวกอเดียว และ จะช่วยเหลือใน ด้านการตลาด เพื่อนำข้าวขาวกอเดียวไปจำหน่ายให้กับประเทศญี่ปุ่น
รวมทั้งได้ขอความร่วมมือไปยัง กลุ่มพ่อค้าคนกลางและโรงสี ให้ใช้เครื่องชั่งและเครื่องวัดความชื้นที่ถูกต้องแม่นยำ โดยกระทรวงพาณิชย์จะออกตรวจสอบอย่างเข้มงวด โดยขอให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา หากพบพ่อค้าคนกลางหรือโรงสี ที่กระทำความผิด จะไม่มีการคาดโทษใดๆ แต่ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป
สิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ค่อนข้างพึงพอใจ คือ แนวคิดการทำนาแปลงใหญ่ ที่ตัวแทนเกษตรกรต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นการดำเนินงานอย่างถูกทาง และสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ ส่วนข้อเสนออื่นๆ ที่ตัวแทนเกษตรกรได้นำมาหารือ อาทิ อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือและแก้ปัญหาเกษตรกรผู้ปลูกข้าวอย่างตรงจุดและตรงกับความต้องการของเกษตรกรไม่ใช่การช่วยแบบเหวี่ยงแห ด้านการช่วยเหลือส่วนการจำนำยุ้งฉาง ที่ขณะนี้จังหวัดพิจิตรไม่เข้าหลักเกณฑ์ จึงทำให้ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือในส่วนดังกล่าวนางอภิรดี กล่าวว่า หลักเกณฑ์ การช่วยเหลือส่วนจำนำยุ้งฉางนั้นมีการออกมาอย่างครอบคลุมอยู่แล้ว ทางจังหวัดพิจิตรไม่มียุ้งฉางที่เก็บข้าว จึงได้รับความช่วยเหลือ ในส่วนค่าประกันคุณภาพจำนวน 2,000 บาทต่อตัน ส่วนกรณีที่ คณะกรรมการสมาคมโรงสีข้าวไทย ประกาศลาออกจากการทำหน้าที่ โดยส่วนตัว มองว่าไม่ได้เป็นการกดดันรัฐบาลแต่เป็นเรื่องของการบริหารงานของทางสมาคม เท่านั้น
ด้านนายณรงค์ แฉล้มวงศ์ ประธานชมรมประธานชมรมเกษตรธรรมชาติอาหารปลอดภัย จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า เข้าใจในการ ให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลและทราบดีว่า หากจะให้รัฐบาลช่วยเหลือมาก เหมือนเมื่อก่อนคงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเป็นปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศ โดยในฐานะตัวแทนเกษตรกร จะมีการร่วมมือกับกลุ่มองค์กรเกษตรต่างๆ ที่มีโรงสีเป็นของตัวเอง หันมาผลิตข้าวปลอดสารพิษ เพื่อให้คนในพิจิตรได้บริโภค ส่วนการช่วยเหลือของรัฐบาลนั้น อยากให้สนับสนุนโครงการนาแปลงใหญ่ต่อไป เนื่องจากโครงการที่เป็นประโยชน์มาก ทำให้เกิดรวมตัวเกษตรกร รวมทั้งลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยชีวภาพ ไม่ใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ส่วนแนวคิดในการขายแบบออนไลน์นั้น โดยส่วนตัวมองว่า อาจมีเกษตรกรในบางกลุ่มที่ยังไม่สามารถที่จะเข้าถึงในเทคโนโลยีเหล่านี้ได้