สสส. สานต่อโครงการจิตอาสาพลังแผ่นดิน พร้อมเปิดใจจิตอาสา ทำความดีตามรอยพ่อ

04 พฤศจิกายน 2559, 14:25น.


โครงการจิตอาสาพลังแผ่นดิน ทำความดีตามรอยพ่อ เป็นโครงการที่เกิดจากการรวมพลังของพลเมืองหรือสังคมในการร่วมกันทำความดี ให้แก่แผ่นดินไทย



นายสุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยว่า โครงการนี้ ทำประโยชน์เพื่อคนส่วนรวมไม่ได้หวังผลตอบแทน โดยเป็นการน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มาเป็นแนวทาง เช่น งานจิตอาสาดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย งานอาสาสมัครป้องกัน และการเตือนภัย ซึ่งงานจิตอาสาเป็นการทำด้วยใจ แต่สิ่งที่ได้รับคือความสุข ที่แม้จะมีเงินก็ไม่สามารถซื้อหาได้ ในฐานะผู้จัดการกองทุน ขอเชิญชวนให้ประชาชน หรือหน่วยงานต่างๆ แปรเปลี่ยนความโศกเศร้าที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ เป็นความอาลัยรักในพระองค์ท่าน เพื่อเป็นการสานต่อพระปณิธานในการทำความดีเพื่อแผ่นดิน ผ่านการช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการสร้างกลไกสำหรับการสร้างงานหรือจิตอาสาคนอื่นๆ  นอกจากนี้ ภายในงาน ได้มีการเปิดเรื่องเล่าประสบการณ์จากผู้ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากในหลวง รัชกาลที่9





ครูเรียม สิงห์ทร ครูโรงเรียนบ้านขอบด้ง จังหวัดเชียงใหม่ ที่สานต่อคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เล่าให้ฟังว่า แม้ว่าครั้งหนึ่งจะเคยท้อแท้ แต่สิ่งที่ทำให้เป็นครูอยู่ได้ถึง 33 ปี ในพื้นที่สีแดงที่อยู่ติดแนวชายแดน ไทย-พม่าเพียง 1 กิโลเมตร จากการเป็นคนกรุงเทพฯ ที่อยากจะไปเป็นอาสาสมัคร ในโครงการหลวง แต่กลับถูกส่งไปเป็นครู ในที่ที่ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำ และที่สำคัญไม่มีนักเรียน มีแต่ดงฝิ่น กับทหารว้า วันแรกที่ไปทำงานต้องเดินไปจากที่พักไปโรงเรียนไกลถึง4 กิโลเมตร เมื่อไปถึง ไม่มีนักเรียนมารอให้สอน มีแต่ทหาร นานวันเข้าก็เกิดความท้อ เกิดความรู้สึกว่าเราทำอะไรอยู่ อยากกลับบ้าน จึงตัดสินใจเก็บกระเป๋าสัมภาระ แต่ก่อนจะกลับ หันไปเห็นรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 บนกระดานดำ เห็นสายพระเนตรที่ทอดลงมา  ให้รู้สึกว่า เธอไม่มีใครแต่เธอยังมีฉันนะ จึงรู้สึกถึงความอบอุ่น มีพลังที่จะสู้ต่อและคิดได้ว่า เมื่อไม่มีนักเรียนมา เราก็ต้องออกไป จึงเริ่มเก็บของใส่กระเป๋าอีกครั้ง เริ่มจากสมุด ดินสอ ดินสอสี และ ขนม แล้วเดินทางเข้าไปในหมู่บ้าน เข้าไปหาเด็กๆพูดคุย ทำความเข้าใจ ว่าการเรียนจะสามารถทำให้เราไปประกอบอาชีพได้ สื่อสารกับคนอื่นๆได้ ค้าขายได้ ไปหาหมอได้ จากนั้นก็เอาสมุดดินสอ ไปแจกให้เด็กๆ บอกให้วาดรูปอะไรก็ได้มาให้ครู เสร็จแล้วเรามากินขนมกัน วิธีการสอนอันเรียบง่าย แต่เปี่ยมไปด้วยความรักและห่วงใย อย่างแท้จริงทำให้ครูเรียมมีโอกาสเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 อย่างใกล้ชิด และพระองค์ทรงมีรับสั่งว่า "ฉันฝากเด็กชาวเขาเหล่านี้ด้วยนะ ตัวฉันอยู่ไกล ครูดูแลด้วยนะ" จากนั้น จึงตั้งใจและยืนหยัดที่จะต่อสู้กับความยากลำบาก และสารต่อคำของพ่อที่มีเป็นห่วงและรักประชาชนทุกคน ที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทย นอกจากนี้ ครูเรียมโดยฝากข้อคิดให้กับคนรุ่นหลังว่า การทำความดีทำที่ไหนก็ได้





ด้าน นางสาวอภิญญา โสดสงค์ หรือครูเพชร อดีตผู้ต้องขังคดียาเสพติด ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 จนกลับตัวกลับใจ และตั้งใจทำความดีเพื่อทดแทนพระมหากรุณาธิคุณ เล่าว่า ตัวเองเคยเป็นผู้ต้องขังในคดียาเสพติด เนื่องจากถูกเพื่อนชวนให้ค้ายา โดยขณะถูกจับพบยาเสพติดเพียง 7 เม็ด และถูกพิพากษาคุมขังในเรือนจำเป็นเวลา 8 ปี วันแรกที่ก้าวขาเข้าสู่เรือนจำรู้สึกได้ว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว แต่เราทำผิด ก็ต้องยอมรับ ห้องนอนของผู้ต้องขังเป็นห้องโล่งๆขนาดไม่ใหญ่มากแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอึดอัด ความทุกข์ เพราะต้องนอนรวมกันถึง 125 คน ไม่มีแม้กระทั่งหมอนและผ้าห่ม 10 เดือนแรกที่ใช้ชีวิตในเรือนจำมีแต่ความรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวังแต่หลังจากนั้นก็เริ่มพบแสงสว่าง เมื่อมีโครงการสร้างอาชีพของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ที่เข้ามาสอนให้อาชีพ จึงเลือกที่จะเรียนโยคะ เพราะคิดว่าน่าจะได้เรื่องสุขภาพ เนื่องจากขณะนั้นมีน้ำหนักตัวมากถึง 120 กิโลกรัม พร้อมกับปฏิบัติตัวอยู่ในกรอบ กฎระเบียบของเรือนจำ เพื่อที่จะได้เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่ทุกชีวิตในเรือนจำรอคอยกันอย่างมีความหวังว่าจะมีโอกาสได้รับ เมื่อทราบว่าตัวเองได้รับพระราชทานอภัยโทษ ความรู้สึกดีใจ และน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ อย่างหาที่สุดมิได้ หลั่งไหลออกมาอย่างไม่รู้จบ จนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ รู้สึกแต่เพียงว่าพระองค์ท่านเป็นผู้สูงศักดิ์ ไม่จำเป็นต้องมานึกถึงพวกเราก็ได้ จึงปฏิญาณตัวเองว่าออกจากเรือนจำมาจะไม่กลับไปยุ่งกับสิ่งไม่อีก เมื่อได้ออกมาใช้ชีวิต แบบคนปกติทั่วไปแล้ว กลับเจอปฏิกิริยาดูถูก ก็รู้สึกเสียใจ แต่อยากให้คนทั่วไปรู้ว่า ไม่มีใครอยากทำเลว ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องเคยมีข้อผิดพลาดกันบ้างแต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ชีวิตต้องเดินต่อไป จากนี้จะตั้งใจเป็นครูสอนโยคะ หากมีเวลาจะเปิดให้บุคคลภายนอกมาเรียนด้วยโดยตรง โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ส่วนความรู้สึกหลังทราบข่าวการสวรรคต รู้สึกเสียใจที่ยังไม่มีโอกาสได้ตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ได้แต่ร้องไห้ เสียใจ แต่ถึงพระองค์ท่านจะจากไป แต่พระองค์จะอยู่ในใจเสมอ





ผู้สื่อข่าว: พนิตา สืบสมุทร

ข่าวทั้งหมด

X