สหรัฐฯโจมตีทางอากาศอัฟกานิสถานตายอย่างน้อย 30ศพ/โค้งสุดท้ายเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ/เรือผู้อพยพล่มในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

04 พฤศจิกายน 2559, 05:19น.


+++เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 8 พ.ย. การหาเสียงระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน เต็มไปด้วยการสาดโคลนไปมาจากเรื่องอื้อฉาวของกันและกัน ขณะที่โพลล่าสุดระบุว่า คะแนนนิยมของทั้งคู่เริ่มขยับมาทิ้งห่างกันไม่มากนัก ทำให้การคาดเดาผลการเลือกตั้ง เริ่มมีทิศทางไม่แน่นอน



+++นายทรัมป์ ลงพื้นที่หาเสียง ในรัฐฟลอริดา ซึ่งเป็นรัฐสวิงสเตทสำคัญ โดยบอกกับผู้สนับสนุนว่า เวลานี้เขากำลังมีคะแนนนิยมนำหน้านางฮิลลารี พร้อมกันนั้นก็โจมตีนางฮิลลารีว่า ไม่เหมาะจะเป็นผู้นำสหรัฐฯ  นอกจากนี้ยังโจมตีนโยบายเปิดรับผู้อพยพของนางฮิลลารีว่า เท่ากับเป็นการเปิดบ้านให้อาชญากร ที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้อพยพเข้ามาก่ออาชญากรรม ในดินแดนสหรัฐฯ ได้อย่างง่ายดาย และถ้าเขาได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขาจะยกเลิกการจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่เมืองหน้าด่านที่แบกรับผู้อพยพทั้งหลาย เช่นนครซานฟรานซิสโก แต่นายทรัมป์ สัญญาว่า จะไม่ทอดทิ้งผู้อพยพ หนีสงครามกลางเมืองในซีเรียนับล้านๆคน แต่จะบีบให้ประเทศเศรษฐีอาหรับทั้งหลาย ช่วยลงขันค่าใช้จ่ายช่วยผู้อพยพมากขึ้น



+++ส่วนนางฮิลลารี ได้ไปหาเสียงในรัฐแอริโซนา โดยพยายามชี้ให้เห็นว่า เธอเหมาะจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ มากกว่านายทรัมป์ เธอบอกว่ารัฐนี้เพิ่งเคยโหวตเลือกพรรคเดโมแครตเพียงครั้งเดียว คือเลือกนายบิล คลินตัน สามีของเธอเมื่อปี 2539 ดังนั้นเธอจึงหวังว่า ปีนี้รัฐแอริโซนา จะเลือกพรรคเดโมแครตอีก นางฮิลลารี ยังได้รับกำลังใจอย่างเต็มที่ เมื่อนางกาเบรียล กิฟฟอร์ดส์ อดีตส.ส.รัฐแอริโซนา ซึ่งรอดชีวิตจากการถูกลอบยิงได้มาช่วยเธอหาเสียงด้วยโดยนางกิฟฟอร์ด บอกกับฝูงชนว่าถ้าเลือกนางฮิลลารีเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เธอจะผลักดันเรื่องการแก้กฎหมายควบคุมอาวุธปืนอย่างแน่นอน และสังคมอเมริกันก็จะปลอดภัยขึ้น



+++กองกำลังความมั่นคงอัฟกานิสถาน พร้อมด้วยทหารสหรัฐฯ ปฏิบัติการกวาดล้างนักรบตอลีบัน ที่หมู่บ้านบุซ คันดาฮาริ ห่างจากใจกลางตัวจังหวัดคุนดุซ ทางภาคเหนือ ประมาณ 5 กม. โดยเป้าหมายอยู่ที่การจับกุมหัวหน้าระดับสูง 2 คนของตอลีบัน ก่อนจะเกิดการยิงปะทะดุเดือด ทำให้ทหารสหรัฐฯเสียชีวิต 2 นาย ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ส่วนนักรบตอลีบันเสียชีวิต 65 คน รวมถึงระดับหัวหน้า 2 คนที่เป็นเป้าหมายจับกุม ทหารสหรัฐฯวิทยุขอการสนับสนุนโจมตีทางอากาศ ซึ่งการโจมตีของเครื่องบินรบกองทัพสหรัฐฯตามคำขอ ทำให้พลเรือนอัฟกันเสียชีวิตอย่างน้อย 30 ศพ รวมถึงผู้หญิงและเด็ก และได้รับบาดเจ็บอีก 26 คน ชาวอัฟกันนำศพเด็กหลายคนที่เสียชีวิต ใส่ท้ายรถกระบะ แห่ประท้วงในตัวจังหวัดคุนดุซ



+++กระทรวงกลาโหมของรัสเซีย แถลงว่า กลุ่มกบฏ สามารถใช้เส้นทางปลอดภัยเพื่อมนุษยธรรม  2 เส้นทางในการออกจากพื้นที่ทางภาคตะวันออกของจังหวัดอเลปโป ทางตอนเหนือของซีเรีย โดยได้รับการรับรองความปลอดภัยจากรัฐบาลซีเรีย ส่วนอีก 6 เส้นทางขอให้ใช้สำหรับการอพยพผู้ได้รับบาดเจ็บ และให้พลเรือนทยอยเดินทางออกจากพื้นที่สู้รบ เส้นทางทั้งหมดจะเปิดให้มีการเดินทางผ่านอย่างปลอดภัยระหว่างเวลา 09.00-19.00 น. จนถึงวันศุกร์ที่ 4 พ.ย. นี้เท่านั้น หรือ 13.00-23.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย  มาตรการดังกล่าวเป็นไปตามคำสั่งของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย  ขณะที่กองทัพซีเรีย ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้กลุ่มกบฏคว้าโอกาสนี้ไว้ แต่กลุ่มฟาสตาคิม  ซึ่งเป็นหนึ่งในกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อเสนอของรัสเซียและรัฐบาลซีเรีย พร้อมทั้งยืนยันว่าจะไม่มีทางยอมแพ้ และพลเมืองในพื้นที่หวาดกลัว เกินกว่าที่จะอพยพโดยใช้เส้นทางของรัสเซีย



+++ด้านนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่ารัฐบาลรัสเซียต้องการ ความร่วมมือที่จริงจังและซื่อสัตย์ จากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายต่อต้าน หรือฝ่ายใดก็ตาม เพื่อการคลี่คลายสถานการณ์สงครามกลางเมืองในซีเรียผ่านกระบวนการเจรจาทางการทูต อันจะนำไปสู่กระบวนการถ่ายโอนอำนาจตามระบอบประชาธิปไตยต่อไป



+++ตำรวจหน่วยปฏิบัติการร่วมต่อต้านการก่อการร้ายรัฐนิวเซาท์เวลส์ ของออสเตรเลีย จับผู้ต้องสงสัย 2 คน เป็นชายอายุ 24 ปี และ 17 ปี จากการบุกตรวจค้นหลายจุดในเมืองซิดนีย์ เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี และตั้งข้อหาละเมิดกฎหมาย ชายคนแรกคือ นายเมห์เมต ไบเบอร์ อายุ 24 ปี  หากศาลตัดสินว่ามีความผิด อาจถูกลงโทษจำคุกถึง 20 ปี โดยจากการสืบสวนของทางการ พบว่า นายไบเบอร์เคยเดินทางไปประเทศซีเรีย เมื่อเดือน ก.ค. 2556 เพื่อเข้าร่วมการสู้รบกับกลุ่ม อัล-นุสรา แนวร่วมของกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ ในซีเรีย ก่อนจะเดินทางกลับออสเตรเลียในอีก 6 เดือนต่อมา ส่วนผู้ต้องสงสัยวัย 17 ปี ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ เนื่องจากยังเป็นผู้เยาว์ ถูกกล่าวหาพยายามเดินทางไปเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสในซีเรีย แต่ถูกสกัดที่สนามบินในออสเตรเลีย เมื่อเดือน ม.ค. 2558 นอกจากนั้นยังชักชวนบุคคลอื่นๆ ให้ไปร่วมกับไอเอสด้วย ผู้ต้องสงสัยรายนี้อาจถูกลงโทษจำคุกสูงสุดตลอดชีวิต หากศาลตัดสินว่ามีความผิด ผู้ต้องสงสัยทั้งสองไม่ได้รับการประกันตัว กำหนดถูกนำตัวขึ้นศาลนัดแรก ในวันที่ 15 ธ.ค.



+++จากการประเมินของนักวิเคราะห์ด้านความมั่นคง ปัจจุบันมีชาวต่างชาติจากหลายประเทศทั่วโลก เดินทางไปร่วมสู้รบกับกลุ่มไอเอสในอิรักและซีเรีย หลายพันคน ส่วนรัฐบาลออสเตรเลียประเมินว่า มีชาวออสเตรเลียรวมอยู่ด้วยกว่า 100 คน 



+++นายคาร์ลอตตา ซามี โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ในอิตาลี เปิดเผยว่า เกิดเหตุเรือล่ม 2 ลำ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ช่วยผู้รอดชีวิตได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เรือยางที่กลุ่มดังกล่าวใช้เดินทาง ล่มลงกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังออกเดินทางจากฝั่งประเทศลิเบีย  ผู้อพยพในเรือทั้ง 2 ลำ เกือบทั้งหมดเป็นชาวแอฟริกาตะวันตก    



+++จากเหตุเรือสปีดโบ๊ทบรรทุกคนงานชาวอินโดนีเซียเดินทางกลับจากมาเลเซีย ล่มท่ามกลางสภาพอากาศแปรปรวน ในทะเลนอกชายฝั่งเกาะบาตัมของอินโดนีเซีย เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. เช้าวันพุธ เบื้องต้นหน่วยกู้ภัยสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยรอดชีวิต 39 คน พบผู้เสียชีวิต 18 ศพ และยังมีผู้สูญหาย 44 คน หน่วยกู้ภัยและค้นหาประมาณ 125 คนเริ่มทำงานต่อ ตั้งแต่รุ่งสางของวันพฤหัสบดี ในทะเลรอบเกาะบาตัม เพื่อหาผู้สูญหาย



+++นายฮาร์ดิน นาฟิอี หัวหน้าสำนักงานบรรเทาภัยพิบัติเกาะบาตัม กล่าวว่า เรือลำดังกล่าวบรรทุกผู้โดยสารเกินอัตรา จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เรือบรรทุกคนงาน 93 คน และลูกเรือ 3 คน ส่วนอุบัติเหตุเกิดจากคลื่นลมแรง ทำให้เรือแล่นชนแนวหินโสโครก จนพลิกคว่ำจมลงในทะเล



+++ศาลสหราชอาณาจักร มีคำชี้ขาดว่า การเริ่มต้นกระบวนการออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปหรือเบร็กซิทจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ไม่ใช่รัฐบาล เป็นการชี้ขาดที่อาจทำให้กระบวนการเบร็กซิทล่าช้าออกไป คณะผู้พิพากษา 3 คนของศาล มีคำชี้ขาดว่า นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ไม่มีสิทธิใช้อำนาจบริหาร อ้างมาตรา 50 ในสนธิสัญญาลิสบอนเพื่อเริ่มกระบวนการเบร็กซิทที่ต้องใช้เวลา 2 ปี แต่เป็นอำนาจของรัฐสภา สำนักนายกรัฐมนตรี รู้สึกผิดหวังและจะยื่นฎีกา คาดว่าศาลฎีกาจะเปิดการไต่สวนราวต้นเดือนธันวาคม เพราะได้ลงประชามติมีมติออกจากอียูแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายนและได้รับอนุมัติจากรัฐสภาแล้ว ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีเมย์ ตำหนิผู้นำเรื่องร้องศาลว่าเจตนาจะก่อกวนกระบวนการเบร็กซิท



+++สำนักข่าวเอเอฟพี ระบุว่า สมาชิกสภาสามัญหรือสภาผู้แทนราษฎรส่วนใหญ่สนับสนุนให้สหราชอาณาจักรอยู่ในอียูต่อไป มีข่าวลือว่าสภาอาจผลักดันให้สหราชอาณาจักรออกจากอียูอย่างประนีประนอมหรือถึงขั้นเตะถ่วงกระบวนการเบร็กซิท



CR:Al Jazeera News And News Agencies

ข่าวทั้งหมด

X