ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.
+++ร่างรัฐธรรมนูญ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.กล่าวว่า กรธ.ได้รับหนังสือเกี่ยวกับการแก้คำปรารภในร่างรัฐธรรมนูญจากรัฐบาลตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 พ.ย. และได้ส่งกลับไปให้รัฐบาลแล้วในช่วงเช้าวานนี้ และรัฐบาลต้องให้เจ้าหน้าที่กองอารักษ์ไปดำเนินการแก้ไข จากนั้นรัฐบาลจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในกำหนดเวลา คือวันที่ 9 พ.ย.นี้ และคงไม่มีปัญหา ในส่วนที่แก้ไขกลับไปมี 2 จุดคือ 1.พระปรมาภิไธย 2.ลำดับพระญาติที่เกี่ยวข้องกับรัชกาลที่ 7 ส่วนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เกี่ยวกับการยุบพรรคการเมือง ว่าเบื้องต้นมี 4 ประเด็น คือ 1.ใครกระทำการที่เป็นปฏิปักษ์กับการปกครองใช้อำนาจโดยไปล้มล้างการปกครอง 2.การรับเงินจากคนต่างด้าว 3.การไปรับเงินจากคนที่สนับสนุนให้มีการล้มล้างการปกครอง 4.ไปรับเงินมาเพื่อเอาตำแหน่งมาแจก โดยอาจจะมีโทษถึงขั้นยุบพรรค
+++กรธ.กำลังออกแบบให้ประชาชนสามารถยื่นเรื่องไปที่อัยการสูงสุดได้ โดยอัยการสูงสุดจะมีเวลาพิจารณา 30 วัน ถ้าอัยการไม่ดำเนินการ ก็สามารถฟ้องเองได้ เช่นเดียวกับการให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีอำนาจฟ้องให้ยุบพรรคการเมืองได้โดยตรงเช่นกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนที่เคย ส่วนการกำหนดโทษของการซื้อขายตำแหน่งที่ระบุว่ามีโทษถึงขั้นประหารชีวิต นายมีชัยย้ำว่า หลักการที่ กรธ.วางไว้คือ จะมีโทษเหมือนการทุจริตที่มีโทษถึงประหารชีวิต และเรากำลังคิดว่าจะมีโทษที่เบาว่า อาทิ จำคุกตลอดชีวิตหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่การประหารชีวิตทางการเมือง เพราะเรื่องนี้เป็นคดีอาญา ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับเหตุผลและพฤติการณ์ที่เป็นความผิด เพราะโทษการประหารชีวิตถือเป็นบทลงโทษที่มีอยู่ในกฎหมายอยู่แล้ว เช่น การล้มล้างการปกครอง เป็นต้น ซึ่งการเอาตำแหน่งระดับสูงไปซื้อขาย ถือเป็นการทำลายทุกองคาพยพไม่ต่างกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดยังไม่ใช่ข้อสรุป หากคิดว่าแรงไปก็อาจมีการปรับได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมามีกรณีที่มีการสงสัยกล่าวหานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สนับสนุนพรรคเพื่อไทย จากต่างประเทศ นายมีชัยกล่าวว่า ส่วนตัวไม่ขอตอบประเด็นนี้ เดี๋ยวสื่อมวลชนเอาไปพาดหัวอีก อย่างไรก็ตาม คนไทยในต่างประเทศก็ยังถือว่าเป็นคนไทย และโดยหลักแล้ว การที่ไม่ให้รับเงินจากต่างด้าวเพราะไม่ต้องการให้ต่างด้าวเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองในประเทศ
+++พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.พร้อมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และชุดสืบสวนสอบสวนคดีระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ระหว่างวันที่ 10-12 สิงหาคม ได้บินด่วนเดินทางไปยัง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว ภายหลังจากได้แจ้งจากพนักงานสอบสวนว่า นายมูฮัมหมัด มูฮิ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิด ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ที่ถูกจับกุมเมื่อกลางเดือนตุลาคมและถูกนำตัวมาฝากขังไว้ที่ทัณฑสถานวัยหนุ่มนครศรีธรรมราช ได้ยอมรับสารภาพว่า เป็นคนลอบวางระเบิดในจ.ภูเก็ต 2 จุด นายมูฮัมหมัด มูฮิ ยอมรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับ นายยูโซ๊ะ แมะตีเมาะ อายุ 32 ปี ชาวปัตตานี ซึ่งขณะนี้ยังคงหลบหนี ก่อเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยได้รับวัตถุระเบิดจากหัวหน้าทีมใน จ.ปัตตานี และนัดเจอกับ นายยูโซ๊ะ ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อนจะขึ้นรถและเดินทางนำระเบิดมาก่อเหตุที่ จ.ภูเก็ต กระทั่งถูกตามจับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่เร่งสอบสวนอย่างละเอียดถึงเครือข่ายความเชื่อมโยงซึ่งนายมูฮัมหมัด ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี สำหรับคดีดังกล่าว พนักงานสอบสวนออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาที่ก่อเหตุระเบิดแล้ว 11 ราย สามารถจับกุมแล้ว 2 ราย คือ นายมูฮัมหมัด มูฮิ และ นายอัลดุลกอเดร์ สาแล๊ะ ผู้ต้องหาวางระเบิดที่ จ.ตรัง ปัจจุบันควบคุมตัว ที่เรือนจำอำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่ง นายอัลดุลกอเดร์ ยังให้การปฏิเสธ
+++เมื่อคืนนี้ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ก่อเหตุป่วนเมือง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย จ.ปัตตานี สงขลา และนราธิวาส หลายจุด โดยเหตุการณ์ที่ จ.ปัตตานีนั้น ถูกป่วนหนักมากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ได้รับทราบรายงานดังกล่าวแล้ว พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเฝ้าระวังพื้นที่ โดยพื้นที่ อ.เมืองปัตตานี พบว่ามีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ยิงหม้อแปลงไฟฟ้าทำให้เกิดระเบิด จำนวน 2 จุด ที่หนองจิกคนร้ายประมาณ 4 คน ใช้รถยนต์กระบะเป็นยานพานหนะ เข้ามาใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงานร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ภายในปั๊ม ปตท.ดอนยาง ขาขึ้นหาดใหญ่ บนถนนสาย 43 ปัตตานี – หาดใหญ่ หมู่ที่ 7 บ้านดอนยาง ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จากนั้นได้ราดน้ำมันเบนซินเผา ทำให้เกิดไฟไหม้อย่างรุนแรงที่ร้านเซเว่น และยิงซ้ำ ก่อนจะหลบหนีไป ทั้งนี้คนร้ายยังวางระเบิดไว้ 2 ลูก และเกิดระเบิดขึ้นที่บริเวณหน้าร้านเซ่เว่นที่ไฟไหม้ ใต้ต้นไม้ทางเข้าปั๊มน้ำมัน แต่ไม่มีคนเจ็บแต่อย่างใด ขณะที่กำลังเกิดเหตุการณ์วุ่นวายอยุ่นั้น ได้มี คนร้าย 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟแดง 1 คัน และสีขาว 1 คัน ไม่ทราบทะเบียนแน่ชัด ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงใส่ ป้อมปฏิบัติการ ปล.ที่ 2 ร.1514 ปัตตานี 23 อ.เมือง จ.ปัตตานี ขณะที่พลทหารนพพล แก้วเพชร ออกมาหน้าป้อม เพื่อดูแลรักษาฐาน หลังมีเหตุการร์หลายจุด กระสุนปืนถูกพลทหารนพพล เสียชีวิต
++ประเด็นโรงสีข้าวรวมหัวนักการเมือง กดราคารับซื้อข้าวในวันนี้ นายมานัส กิจประเสริฐ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย เปิดเผยว่าสมาคมโรงสีและตัวแทนโรงสีทั่วประเทศ จะแถลงข่าวชี้แจงสถานการณ์ข้าวและปัญหาเรื่องข่าวโรงสีร่วมกับฝ่ายการเมืองกดราคารับซื้อข้าวจากชาวนาเพื่อหวังผลการเมือง ที่สมาคมโรงสีข้าวไทย ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ เบื้องต้นขอปฎิเสธและยืนยันว่า โรงสีไม่ได้กดราคารับซื้อ หรือร่วมมือกับใคร เพื่อหวังผลราคาข้าวตกต่ำ แต่รับซื้อตามกลไกตลาดและกำหนดราคารับซื้อให้สอดคล้องกับการกำหนดราคาซื้อข้าวสารจากผู้ส่งออกที่มีการแจ้งมายังโรงสีว่า ราคาแต่ละวันเป็นเท่าไหร่ รวมถึงราคาล่วงหน้า
+++ด้าน นางมิ่งขวัญ พุกเปี่ยม ประธานชมรมโรงสีข้าว จ.พิจิตร กล่าวว่า ผู้ประกอบการโรงสีพอใจกับนโยบายที่รัฐบาลออกมาช่วยเหลือในการรับจำนำแบบยุ้งฉางตันละ1.3หมื่นบาท กรณีมีประเด็นว่า มีนักการเมืองและโรงสีอยู่เบื้องหลังของการเคลื่อนไหวชาวนาใน จ.พิจิตร นั้น ตนในฐานะประธานชมรมโรงสีข้าวฯยืนยันว่า ไม่มีนักการเมือง หรือโรงสีอยู่เบื้องหลัง การเคลื่อนไหวทั้งหมดเป็นความต้องการของชาวนาเอง ส่วนราคาข้าวที่ลดต่ำลงเป็นไปตามกลไกลของตลาดที่ ไม่มีการกดราคาแต่อย่างใด
+++นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาข้าวไทย เปิดเผยถึงกรณีรัฐบาลเร่งแทรกแซงราคาข้าวหอมมะลิโดยใช้มาตรการจำนำยุ้งฉางตันละ 1.3หมื่นบาทว่า เป็นสิ่งที่ดีที่รัฐบาลไม่นิ่งดูดายความเดือดร้อนของชาวนา แต่จริงๆควรทำก่อนหน้านี้ เรื่องพยุงราคาที่ล่าช้าน่าจะมาจากหน่วยงานรัฐอาจไม่ประสานกันและปลัดกระทรวงพาณิชย์(พณ.) เพิ่งกลับจากต่างประเทศ ไม่ค่อยรู้เรื่อง อีกทั้งปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังพูดเรื่องข้าวเวียดนาม ข้าวอินเดีย มีปริมาณออกมามากทำราคาตลาดโลกต่ำ เป็นการพูดส่งเดชแบบคนไม่รู้เรื่องข้าว เพราะข้าวหอมมะลิไทยและข้าวเจ้ามีคุณภาพดีกว่ามาก ช่วงวันที่ 10พฤศจิกายนไปแล้ว ข้าวเจ้าข้าวขาวจะออกมามากกว่าข้าวหอมมะลิหลายเท่าตัว แต่ยังไม่เห็นหน่วยงานใดเรียกประชุมหาทางรับมือ ซึ่งอาจมีการรวมตัวชาวนา สมาคมข้าวไทย ตัวแทนทุกภาคมาประชุมกันเพื่อยื่นหนังสือต่อ รมว.เกษตรฯและรมว.พาณิชย์ เพื่อให้เรียกตัวแทนชาวนาเข้าร่วมประชุมด้วย เพราะชาวนาคือคนเดือดร้อน ไม่ใช่พ่อค้า หรือผู้ส่งออก
+++พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย(มท.)กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือชาวนา ว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทยและทหาร ร่วมดูแลการรับซื้อข้าวเปลือกของโรงสี โดยให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ มีการปิดป้ายราคารับซื้อและการวัดความชื้น ซึ่งต้องมีความยุติธรรมและถูกต้อง รวมถึงจะพูดคุยแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรกับผู้ประกอบการโรงสีด้วย ทั้งนี้ วันที่ 3พฤศจิกายน เวลา 14.00น. นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย จะประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อแจ้งมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทยและแนวทางบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ โดยขอความร่วมมือทุกฝ่ายให้รับซื้อข้าวจากโรงสีในราคาดีที่สุดตามความเป็นจริง
+++นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงฯ มีแผนช่วยกระตุ้นการบริโภคข้าวให้เพิ่มขึ้น เพื่อผลักดันราคาข้าวให้ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยให้ภาคเอกชนหันมาใช้ข้าวมอบเป็นของขวัญปีใหม่ ใช้โครงการประชารัฐ โดยร่วมมือกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย คัดเลือกกลุ่มเกษตรกร หรือวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์และจ.สุรินทร์ จังหวัดละ 1 แห่ง เพื่อสนับสนุนให้แปรรูปข้าว จำหน่ายข้าวสารคุณภาพดีให้ผู้บริโภค เริ่มดำเนินการวันที่ 15พ.ย.-31ธ.ค.นี้ หลังจากก่อนหน้านี้ได้ร่วมมือกับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดพื้นที่ให้ชาวนานำข้าวเข้าไปขายในปั๊มน้ำมันที่มีอยู่ทั่วประเทศแล้ว ยังจะเข้าไปช่วยกลุ่มสหกรณ์ เครือข่ายชาวนา 23จังหวัดที่พร้อมขายข้าว ให้นำข้าวไปขายในช่องทางออนไลน์ที่กระทรวงฯดูแลอยู่
++++นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ธกส.ได้พิจารณาแนวทางในการปฏิบัติตามมติครม.เกี่ยวกับการดูแลราคาข้าว เชื่อว่าเกษตรกรจะได้ประโยชน์ โดยหลังจากนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จะเป็นผู้สำรวจรายชื่อเกษตรกรที่จะได้รับสิทธิ์และกำหนดการช่วยเหลือสูงสุด เบื้องต้นการให้ความช่วยเหลือสูงสุดน่าจะไม่เกิน 15ไร่ต่อราย โดย ธกส.มีความพร้อมในการให้สินเชื่อดังกล่าวอย่างเต็มที่ หลังจากผลผลิตออกสู่ตลาดครั้งแรกในวันที่ 20พฤศจิกายนนี้ภาพรวมโครงการนี้วงเงินกว่า 4.19หมื่นล้านบาท
+++พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ฝ่ายความมั่นคงลงพื้นที่ตรวจสอบโรงสีข้าวในช่วงราคาข้าวตกต่ำว่า ขณะนี้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย(กอ.รส.)แต่ละพื้นที่ได้ดำเนินการ 3เรื่อง ได้แก่ 1.ลงพื้นที่รับทราบปัญหาของชาวนาว่า เจออุปสรรคใดเพื่อนำเสนอรัฐบาลแก้ปัญหา 2.ลงไปตรวจสอบกลไกการซื้อขายข้าวของโรงสีว่า เป็นไปอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่และ 3.หน่วยทหารกองทัพบกจะช่วยรับซื้อข้าวจากชาวนาผ่านระบบสหกรณ์การเกษตรในราคาที่ชาวนาขายอยู่แล้ว เพื่อนำไปเลี้ยงกำลังพลที่มีอยู่ทั่วประเทศประมาณ 1แสนนาย ส่วนปริมาณรับซื้อนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณในแต่ละพื้นที่และความต้องการขายของชาวนา
+++ร.ต.อ.ธีรพล หงษ์ศรี รองสว.(สอบสวน)สน.สุทธิสาร รับแจ้งเหตุชายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายเสียชีวิตระหว่างเข้าจับกุม พบศพนายดอน แดงจันติ๊บ อายุ 34 ปี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำพยานร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และตรวจสอบกล้องวงจรปิดซึ่งจับภาพเหตุการณ์ไว้ได้ค่อนข้างชัดเจน ทั้งนี้ต้องทำการตรวจสอบกลุ่มผู้ก่อเหตุว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ หากเป็นตำรวจจริงเหตุใดต้องทำร้ายผู้ต้องหาจนถึงแก่ความตาย
+++ส่วนประเด็นน.ส.กฤตรฎ ทับทิมผลหรือน้ำส้ม โซมี่ เนตไอนอล อายุ 28 ปี ขับขี่รถยนต์ ชนรถผู้อื่นจนได้รับความเสียหายทั้งหมด 9 คัน ล่าสุดทางครอบครัวของน.ส.กฤตรฎ ได้พาตัว ไปรักษาต่อที่รพ.ราชบุรี แผนกจิตเวช ให้เหตุผลว่าเนื่องจาก น.ส.สกฤตรฎ มีอาการจิตไม่ปกติ พร้อมกันนี้จะได้ดำเนินการขอผลตรวจเลือดว่ามีสารเสพติด และแอลกอฮอล์หรือไม่ เบื้องต้นจากการตรวจสอบประวัติพบว่าไม่เคยมีประวัติการรักษาอาการทางจิตมาก่อน แต่เคยเข้ารับการรักษาที่ รพ.เวชธานี เกี่ยวกับเรื่องความเครียด นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบยาลดความเครียดภายในรถที่เกิดเหตุ สำหรับยาคลายเครียดดังกล่าว เมื่อกินเข้าไปจะมีผลข้างเคียง คือมีอาการง่วงนอน และหากกินยามากเกินขนาด จะทำให้เกิดอาการภาพหลอนได้ ซึ่งคาดว่าก่อนเกิดเหตุน.ส.กฤตรฏได้กินยาเข้าไปจำนวนมากก่อนจะขับและเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น