รัฐบาลแนะประชาชนถวายสักการะวันธรรมดา เตรียมทำระบบจองคิวออนไลน์/ปรับพื้นที่สนามหลวง

03 พฤศจิกายน 2559, 08:20น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้  07.30 น.



+++นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรณะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.)แถลงภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้ประชาชนที่เดินทางเข้าถวายสักการะพระบรมศพ มีจำนวนลดลงตามลำดับจากจำนวนเมื่อวันที่ 29-30 ตุลาคม 3-4 หมื่น จึงอยากให้ประชาชนหมุนเวียนเข้ามาถวายสักการะในวันธรรมดาเพราะจะเกิดความสะดวก ทั้งนี้ในช่วงวันเสาร์ อาทิตย์นี้ จะมีการปิดการจราจรโดยรอบสนามหลวงเพื่อบริหารจัดการให้มีความสะดวกมากขึ้น ส่วนการต่อคิวเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ยังคงยึดระบบคิวรวมแบบเดิม ส่วนที่มีหลายฝ่ายเสนอให้นำระบบอิเล็กทรอนิคส์หรือออนไลน์มาใช้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการให้จัดทำ ซึ่งต้องดูถึงความเสถียรและความปลอดภัย และยังต้องประเมินจำนวนประชาชนที่เดินทางเข้ามาด้วยว่า มีความเหมาะที่จะใช้ระบบนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตามหากระบบที่จะใช้ทำให้เกิดปัญหา เช่น คนที่จองก่อนไม่ได้คิว แต่คนจองหลังกลับได้คิว ก็จะไม่นำมาใช้



+++ ส่วนการจัดในที่อยู่ในคนเร่ร่อนบริเวณโดยรอบสนามหลวงนั้น ทางกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย (กอร.รส.)โดยรอบพระบรมมหาราชวัง ได้สำรวจเมื่อคืนพบว่ามี 375 คน กอร.รส. ได้จัดทำประวัติและลงทะเบียนคนกลุ่มนี้แล้ว และได้ประสานกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เพื่อนำคนกลุ่มนี้ไปอยู่ในที่พักที่จัดเตรียมไว้ แต่มีบางส่วนไม่ยอมไปอยู่บ้านพัก ก็จะผลักดันให้ออกจากสนามหลวงต่อไป



+++การจัดสร้างพระเมรุมาศ  พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า สำหรับการก่อสร้างพระเมรุมาศยังไม่มีข้อสรุปในขณะนี้ แต่คาดว่าจะดำเนินการหลังปีใหม่ เบื้องต้น กทม.วางแผนการจัดสรรพื้นที่ในท้องสนามหลวงใหม่ เนื่องจากพื้นที่รอบสนามหลวงมี 75 ไร่ แต่ต้องใช้พื้นที่สร้างพระเมรุมาศถึง 40 ไร่ หรือคิดเป็น 2 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งหมด ขณะนี้ กทม.ได้เริ่มปรับพื้นที่สนามหลวงฝั่งทิศเหนือ และจะเคลื่อนย้ายเต็นท์สำหรับให้ประชาชนใช้พักระหว่างรอเข้าสักการะพระบรมศพบริเวณสนามหลวงจากฝั่งทิศใต้มาอยู่ฝั่งทิศเหนือ นอกจากนี้ วันที่ 3 พฤศจิกายน จะเริ่มปรับเวลาแจกอาหารประชาชนเป็น 3 รอบ ได้แก่ เช้า เวลา 06.00-09.00 น. กลางวัน เวลา 11.00-14.00 น. และเย็น เวลา 16.00-20.00 น. รวมถึงจัดระเบียบผู้มาบริเวณสนามหลวงด้วย เนื่องจากอยากให้มีเฉพาะคนจะเข้าสักการะพระบรมศพเท่านั้น



+++นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) เดินทางมาพร้อมกับสื่อมวลชนจากประเทศออสเตรเลีย เพื่อถ่ายภาพบรรยากาศภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เพื่อทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวจะเดินทางมาเที่ยวในช่วงเวลามีพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ นางกอบกาญจน์กล่าวว่า หลังจากเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระแก้วตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เชื่อว่านักท่องเที่ยวจะมีความเข้าใจและเริ่มเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับพระราชพิธี ส่วนหนึ่งเพราะภาครัฐได้แจ้งไปที่บริษัททัวร์ต่างๆ ให้ทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวของตัวเองก่อน จากนี้จึงน่าจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถึงนักท่องเที่ยวจะมาจำนวนมากแต่ก็ไม่ติดขัด



+++รัฐบาลเดินหน้าปิดเว็บไซต์หมิ่นสถาบันไปแล้วกว่า 900 ยูอาร์แอล  รอคำตอบผู้บริหารเฟซบุ๊ค ภูมิภาคอาเซียนตอบรับให้พบหรือไม่  พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี  ในฐานะรักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า  ภายหลังการพูดคุย ร่วมกับเว็บไซต์ยูทูบ กูเกิ้ล และ แอพพลิเคชั่นไลน์ และได้สำรวจเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหมิ่นสถาบันและไม่เหมาะสม โดยแบ่งออกเป็น 2  ช่วงพบว่า ระหว่างวันที่ 1 - 12 ต.ค. มีเว็บไซต์ที่กระทำผิดกว่า 200 ยูอาร์แอล  และระหว่างวันที่ 13 - 31 ต.ค.  มีเว็บไซต์ที่กระทำผิดประมาณ 1,150 ยูอาร์แอล  โดยมีการอาศัยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปิดไปแล้ว 200 ยูอาร์แอล อยู่ระหว่างกระบวนการทางศาลเพื่อขอให้ปิด 1,150 ยูอาร์แอล ซึ่งศาลมีคำสั่งปิดแล้ว 700 ยูอาร์แอล ทั้งนี้พบว่าเว็บไซต์ยูทูปมีเนื้อหาที่กระทำความผิดคดีหมิ่นสถาบันจำนวนเยอะที่สุด ซึ่งได้รับความร่วมมือในการปิดเยอะที่สุด ส่วนการขอความร่วมมือกับเฟซบุ๊คที่มีการติดต่อไปก่อนหน้านี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานผู้บริหารระดับสูง ที่ดูแลพื้นที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  เพื่อจะขอเข้าหารือที่ประเทศสิงคโปร์ โดยอยู่ระหว่างรอคำตอบ  



+++พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำทางภาคเหนือไม่ค่อยมีปัญหาแล้ว แต่จะมีปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา คือ พื้นที่บริเวณคลองโผงเผง ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำได้ลดลงแล้ว อย่างไรก็ตาม ในการระบายน้ำต้องคำนึงถึงการรักษาระบบนิเวศ โดยได้สั่งการให้กรมชลประทานปรับการระบายน้ำจากท้ายเขื่อนพระราม 6 ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมทั้งสั่งการให้นำเครื่องสูบน้ำเร่งเข้าช่วยเหลือในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง ซึ่งคาดว่าสถานการณ์น้ำจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ทั้งนี้ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างสถานการณ์น้ำเริ่มดีขึ้น เนื่องจากมีฝนตกซึ่งช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง ลำตะคอง ลำมูลบน และลำแชะ ควบคู่กับการทำปฏิบัติการฝนหลวงเพิ่มเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำที่มีน้ำน้อย



++++น้ำท่วมจ.เพชรบุรี นายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.เพชรบุรี สาเหตุที่เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนแก่งกระจานเนื่องจากมีฝนตกหนักทำให้ปริมาณน้ำไหลลงเข้าพื้นที่ท้ายเขื่อน จนมาถึงเขื่อนเพชร ซึ่งมีประตูระบายน้ำที่ควบคุมการระบายเป็นปกติ   เนื่องจากคันกั้นน้ำบางส่วนเกิดความชำรุด ทำให้น้ำบางส่วนไหลเข้าในบริเวณตัวเมือง จ.เพชรบุรี ซึ่งขณะนี้กรมชลประทานได้ดำเนินการปิดช่วงจุดที่คันกั้นน้ำที่ชำรุดพร้อมทั้งได้ซ่อมคันกั้นน้ำเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งนำเครื่องสูบน้ำเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ หากไม่มีฝนตกคาดว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มีฝนตกหนัก กรมชลประทานได้ประสานกับเทศบาล อ.หัวหิน เพื่อเตรียมเครื่องสูบน้ำติดตั้งตามจุดที่น้ำท่วมขังแล้วเช่นกัน



+++นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กรมชลประทานจึงได้ลดการระบายน้ำออกจากเขื่อนเจ้าพระยา ส่งผลให้ระดับน้ำที่อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ และเขื่อนป้องกันน้ำท่วมที่ก่อสร้างล้อมรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง ของ กนอ. คือ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร มีความสูงของเขื่อนมากกว่าระดับน้ำในปัจจุบัน 5 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.) จึงสรุปได้ว่า ในปีนี้นิคมฯทั้ง 3 แห่งปลอดภัยจากปัญหาอุทกภัย สำหรับนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร จากเดิมได้มีแผนการก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วม ในลักษณะคันดิน เสริมผนังคอนกรีต โดยมีระดับความสูงของเขื่อนอยู่ที่ 8.5 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง แต่เนื่องจากบริษัท สหรัตนนคร จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาพื้นที่ ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ทำให้นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครต้องชะลอการสร้างเขื่อน จึงดำเนินการแล้วเสร็จเฉพาะในส่วนของคันดิน ซึ่งมีความสูงอยู่ที่ 7.5 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง กนอ.จึงจะดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จต่อไป

ข่าวทั้งหมด

X