ตลาดหุ้นสหรัฐวิตก ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง ราคาน้ำมันดิ่งต่ำสุดในรอบ5 สัปดาห์ /ผู้นำเกาหลีใต้ ปลดนายกฯ-รมว.คลัง

03 พฤศจิกายน 2559, 06:16น.


ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.



+++ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตของฟิลิปินส์ เปิดเผยกับสื่อมวลชนท้องถิ่น ว่าเขามีความตั้งใจเดินทางมาเยือนเมืองไทย เพื่อเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  รายงานของมะนิลาบูเลติน พสกนิกรชาวไทยอยู่ในช่วงเวลาแห่งการไว้ทกุข์ 1 ปี แด่พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์ที่เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม     ก่อนหน้านี้โฆษกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ได้ออกมาแถลงแสดงความอาลัยเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ความว่า ในนามของ ประธานาธิบดีดูเตอร์เต และชาวฟิลิปปินส์ ขอร่วมกับสมาชิกประเทศอาเซียนทั้งหมด แสดงความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช



++เงินหยวนของจีน อ่อนค่าลงในรอบ 6 ปี ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ทางการจีนได้กำหนดค่ากลางเงินหยวนในทิศทางที่อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แม้การอ่อนค่าจะค่อนข้างมาก ประมาณร้อยละ 1.28 แต่ก็เป็นระดับที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ถือว่าเป็นไปตามกลไกตลาดที่มาจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นสำคัญ ผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ในวันพุธ(2พ.ย.) ได้ข้อสรุปว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในกรณีที่ภาวะทางเศรษฐกิจดีขึ้น แต่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินตัดสินใจขอให้มีความคืบหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ก่อนจะดำเนินการใดๆ   ถ้อยแถลงของที่ประชุมเฟด เน้นย้ำการดีขึ้นในภาคแรงงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นประเด็นสนใจหลักของคณะกรรมการกำหนดนโบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ 



+++ราคาน้ำมันปิดลบต่อเนื่อง แตะระดับต่ำสุุดในรอบ 5 สัปดาห์เมื่อวันพุธ  สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.33 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 1.28 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายนเช่นกัน



+++สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ(อีไอเอ) รายงานในวันพุธ(2พ.ย.) ว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 ตุลาคม เพิ่มขึ้นถึง 14.4 ล้านบาร์เรล นับเป็นการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา ผิดกับที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะเพิ่มขึ้นแค่ราวๆ 1.9 ล้านบาร์เรล



+++ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธ(2พ.ย.) ขยับลงเล็กน้อย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากรีพับลิกัน จะพลิกชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี  ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 77.46 จุด (0.43 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,959.64 จุด   ส่วนตลาดทองคำโลกโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 20.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,308.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์



+++นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นกล่าววันนี้ว่า ญี่ปุ่นจะให้ความช่วยเหลือแก่เมียนมาร์ เป็นมูลค่า 800,0000 ล้านเยน หรือ ประมาณ 7,730 ล้านดอลลาร์ ในช่วงระยะเวลา 5 ปี เพื่อสนับสนุนการสร้างสันติภาพและความพยายามในการพัฒนาประเทศของเมียนมาร์  นายกรัฐมนตรีอาเบะ กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมาร์ ซึ่งอยู่ในระหว่างการเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 5 วันว่า เงินราว 40,000 ล้านเยน ที่จัดสรรโดยรัฐบาลและภาคเอกชนญี่ปุ่นจะนำไปใช้ในการสนับสนุนชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ ในเมียนมาร์ โดยนายกรัฐมนตรีอาเบะกล่าวแสดงความหวังว่า ความช่วยเหลือนี้จะช่วยส่งเสริมในการสร้างสันติภาพในภูมิภาคต่าง ๆ ในเมียนมาร์ และผลักดันให้กระบวนการสันติภาพมีความคืบหน้า ในขณะที่เงินส่วนที่เหลือจะนำไปใช้ในการพัฒนาส่วนอื่น ๆ เช่น สนามบิน โครงการผลิตกระแสไฟฟ้า



+++ประธานาธิบดีปาร์ค กึน เฮ  แห่งเกาหลีใต้ มีคำสั่งปรับเปลี่ยนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยให้นายกรัฐมนตรีฮวาง เคียวอันห์ พ้นจากตำแหน่ง และให้นายคิม บยองจุน ซึ่งเคยเป็นผู้ช่วยคนสนิทของอดีตประธานาธิบดี โรห์ มู-เฮียน มาดำรงตำแหน่งแทน พร้อมปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีกระทรวงความปลอดภัยสาธารณะ หวังลดผลกระทบจากความไม่พอใจและเสียงเรียกร้องให้ลาออก สืบเนื่องจากการที่เธอมีเพื่อนสนิทเป็นประธานาธิบดีเงา คือนางชอย ซุนซิล ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการทำงาน ทั้งการออกนโยบายไปจนถึงการแต่งตั้งรัฐมนตรี และแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ขณะนี้เธอถูกตั้งข้อหา แทรกแซงการบริหารประเทศ นางชอย วัย 60 ปี เป็นบุตรสาวของ นายชอย แตมิน ผู้นำลัทธิ “โบสถ์แห่งชีวิตหลังความตาย” (Church of the Afterlife)  และสื่อเกาหลีใต้เปรียบเทียบว่า นางชอย เป็นเหมือนรัสปูติน ที่มีอิทธิพลต่อพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 



+++ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เริ่มคาดเดาทิศทางยากมากขึ้น หลังนางฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครตเริ่มเสียศูนย์คะแนนนิยมหล่นวูบ หลัง FBI ประกาศรื้อคดีอีเมลฉาวของเธออีกรอบ ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป คู่แข่งเรียกร้องให้ผู้ที่ออกเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าไปแล้ว ยกเลิกการลงคะแนนและหันมาสนับสนุนเขา ทรัมป์ไปหาเสียง ที่รัฐวิสคอนซิน เชิญชวนให้ชาวอเมริกันหันมาเทคะแนนให้เขา ทั้งนี้ทรัมป์และพรรครีพับลิกันอ้างเพียง รายงานของนาย เจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการ FBI ที่ประกาศจะสอบสวนขยายผลคดีอีเมลของนางฮิลลารีใหม่ แต่ยังไม่ได้บอกว่านางฮิลลารีทำสิ่งใดผิด ทรัมป์กล่าวกับฝูงชนระหว่างการหาเสียงว่านี่คือเรื่องอื้อฉาวที่ใหญ่ และร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่คดีวอเตอร์เกต ที่ส่งผลให้อดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ต้องลาออก ทรัมป์กล่าวว่าชาวรัฐวิสคอนซิน รัฐมิชิแกน รัฐเพนซิลเวเนีย หรือรัฐมินนิโซตา ที่เลือกตั้งล่วงหน้าไปแล้ว สามารถเปลี่ยนใจมาสนับสนุนเขาได้ ทั้งนี้หลายรัฐที่จัดการเลือกตั้งล่วงหน้าไปแล้ว ให้สิทธิผู้ออกเสียงสามารถเปลี่ยนใจได้ โดยจะส่งบัตรเลือกตั้งใหม่ หรือไปใช้สิทธิ์ในวันเลือกตั้งจริง 8 พ.ย.นี้ ก็ได้



+++ส่วนประธานาธิบดีโอบามา ไปช่วยนางฮิลลารีหาเสียงในเมืองโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ โดยกล่าวว่าแม้เธอจะทำผิด ที่ใช้อีเมลส่วนตัวตอนเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ แต่นางฮิลลารี คือผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด ในการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะนี้ยังเร็วเกินไป ที่จะบอกว่าเรื่องอื้อฉาวอีเมลจะส่งผลร้ายต่อนางฮิลลารีแค่ไหน แต่โพลล่าสุดของรอยเตอร์อิปซอส ระบุว่าเธอยังมีคะแนนนำนายทรัมป์อยู่ร้อยละ 44/39 แม้วอชิงตันโพสต์ กับเอบีซี นิวส์ จะระบุว่าทรัมป์ขึ้นนำฮิลลารี 1 จุด ด้วยคะแนนร้อยละ 46/45  ขณะเดียวกันนางฮิลลารี ได้ไปหาเสียงในรัฐแบทเทิลกราวน์สเตทส์สำคัญ คือรัฐฟลอริดา โดยเธอยังคงมุ่งโจมตีนายทรัมป์ เรื่องการไม่ให้เกียรติผู้หญิง นางฮิลลารีได้ลงพื้นที่หาเสียงร่วมกับอลิเซีย มาชาโด อดีตนางงามจักรวาลที่เคยถูกทรัมป์พูดจาดูถูกเรื่องน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น โดยทั้งมาชาโดและนางฮิลลารี ต่างเน้นย้ำว่าทรัมป์มีนิสัยดูถูกเหยียดหยามผู้หญิง

ข่าวทั้งหมด

X