กบข. ออกมาตรการสินเชื่อเพื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี และบังคับโรงสีไม่กดราคารับซื้อ

การประชุมคณะกรรมการนโยบาย และบริหารจัดการข้าว (กบข.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาข้าวเปลือกตกต่ำ โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิมีปัญหา ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นมาจาก 2 ประเด็น คือ การปรับโครงสร้างการเกษตร ที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ครบวงจร และอีกประเด็น คือ การเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งมีการร่วมมือกันระหว่างนักการเมืองในพื้นที่ ร่วมกับ โรงสีบางแห่ง กำหนดราคาข้าวให้ต่ำลง โดยหวังเป็นประเด็นให้ประชาชนเกิดการต่อต้าน หรือ ขัดแย้งกับรัฐบาล ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  จำเป็นต้องหามาตรการช่วยเหลือที่อาจมีความแตกต่างจากการแก้ปัญหายามปกติ  แม้รัฐบาลจะต้องขาดทุนหรือไม่ก็ตาม แต่ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดูแลอยู่แล้วและให้ดำเนินการโดยใช้เวลาให้น้อยที่สุด

โดยภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีกล่าว เพียงสั้นๆ ว่า “ผมรู้สึกพอใจกับมาตรการการช่วยเหลือชาวนาที่ออกมาจากการประชุม กบข. โดยขอให้รอฟังผลการประชุมจากนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง”   จากนั้นนายกรัฐมนตรีออกเดินทางจากทำเนียบรัฐบาล ไปยังท้องสนามหลวง เพื่อเข้าร่วมการประชุมกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย (กอร.รส.)

ด้านรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าสถานการณ์ในปีนี้ฝนฟ้าดีผลผลิตดีมาก ซึ่งในช่วง เดือนพ.ย. มีผลผลิตออกมามากถึงร้อยละ 80 แต่จากการที่เกิดมรสุมเข้าทำให้ชาวนาเร่งเกี่ยวหนีน้ำ ซึ่งทำให้ความชื้นสูงมากหรือข้าวข้าวไม่สุกเต็มที่มำให้ราคาไม่ได้เท่าที่ควรจะเป็น จึงมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ช่วยเหลือเกษตรกรโดยจะมีมาตรการสินเชื่อเพื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีข้าวหอมมะลิชาวนาได้รับ ร้อยละ 90 ของราคาข้าวซึ่งชาวนาได้ 8730 และมีค่าเก็บเกี่ยวปรับปรุงคุณภาพไร่ละ 500 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ รวมกับค่าเก็บรักษาข้าวเปบิอกในยุ้งฉาง 1500 ต่อตัน เท่ากับจะได้รับเงินทั้งหมด  1,1525 สำหรับชาวนาที่ไม่มียุ้งฉางจะได้ 10,995 บาท ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที

นอกจากนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ ยังมีการควบคุมกำกับโรงสีไม่ให้กดราคารับซื้อ ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัด จัดเครื่องมือวัดความชื้น น้องกับมีการส่งผู้ตรวจไปตรวจสต๊อกข้าวส่งออกทุกรายโดยเข้มงวด ขณะเดียวกันใจวันที่ 13-15 พ.ย. จะมีการพบปะ ระหว่างผู้ส่งออกและ ผู้นำเข้าทุกประเทศ ซึ่งจะมีการซื้อขายระบายข้าวออกจากประเทศ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็เดินหน้าขายข้าวแบบจีทูจี ขณะนี้ได้มีการเจรจากับประเทศอิหร่านในการซื้อขายข้าวอีกด้วย