การประชุมศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) ถึงการรองรับประชาชน เข้าถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตรมหาปราสาท นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า สำนักพระราชวัง เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าไปกราบสักการะพระบรมศพได้โดยไม่มีกำหนดเวลาสิ้นสุด พร้อมกับแบ่งแนวทางการปฏิบัติงานออกเป็น 2 ช่วง คือ ตั้งแต่วันที่ 29 -31 ตุลาคม และ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป โดยคาดว่าในช่วงแรกจะมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมถึงวันละ 1 หมื่นคน ศตส.จึงได้กำหนดระบุทางเข้าทางออก กำหนดจุดรับบัตรคิว จุดพักคอย ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจะมีการปิดการจราจรอย่างไม่มีกำหนดตั้งแต่ 7 โมงเป็นต้นไป ตั้งแต่แยกอรุณอัมรินทร์ และแยกหลานหลวง โดยจะอำนวยให้รถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เข้าไปส่งคนตามจุดต่าง ๆเท่านั้น แต่จะปรับให้แต่ละจุดให้ห่างกัน เพื่อให้การจราจรไม่ติดขัดและรถขสมก.สามารถวนออกไปรับประชาชนที่ต้นทางได้ โดย8 จุด ที่เคยให้บริการรถขนส่งมวลชน ก็ยังคงให้บริการได้เหมือนเดิม
ส่วนการเดินทางทางเรือตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม กระทรวงคมนาคมจะให้บริการเรือโดยสารฟรีขนาดใหญ่ บรรจุได้ 400 คน จากท่าเรือสาทรมายังท่าช้าง โดยจะทดลองการเดินเรือดังกล่าวในวันที่28 ตุลาคม และได้ให้กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย (กอร.รส.) ประชุมและวางแผนเพื่อรองรับมาตรการดังกล่าว แล้ว และทาง ศตส. จะมีการประชุมเพื่อประเมินในวันที่ 30 ตุลาคมเวลา 9.00 น. ส่วนประชาชนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดูแล ในเรื่องของพื้นที่จอดรถและการจัดคิวเข้าสักการะ โดยคาดว่าจะมีประชาชนจากภูมิภาคต่างๆ ละ 3,000คน และจะไม่มีการโกงบัตรคิว
ส่วนเรื่องการแต่งกาย ขอให้เป็นไปตามที่ชี้แจงก่อนหน้านี้คือ ผู้ชายให้สวมเสื้อมีปกสีดำ กางเกงขายาวสีดำ งดเว้นกางเกงยีนส์ รองเท้าหุ้มส้นสีดำ ส่วนผู้หญิงให้สวมชุดสุภาพสีดำ มีแขน ไม่รัดรูป กระโปรงยาวคลุมเข่า หรือผ้าถุง งดเว้นกระโปรงยีนส์ รองเท้าหุ้มส้นสีดำ รวมถึง ได้มอบหมายให้ กอร.รส. ช่วยดูแลในส่วนของผู้สูงอายุ ให้สามารถเข้าไปเคารพพระบรมศพได้อย่างถูกระเบียบ
ส่วนการดูแลด้านการแพทย์และสุขภาพ ยังคงมีจุดบริการและทีมอาสา 15 จุด ซึ่งขณะนี้พบประชาชนมีอาการลมชักจำนวนมาก จึงขอความร่วมมือ ให้ประชาชนพกยารักษาโรคประจำตัวมาด้วย และเตรียมมาตรการ ส่งผู้ป่ายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลหากมีการป่วยฉุกเฉิน ทั้งทางบกและทางเรือ โดยกองทัพเรือกำลังพิจารณาอยู่ ทั้งนี้นายสุวพันธุ์ ขอความร่วมมือผู้ที่จะบริจาคอาหารขอให้เป็นอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารแห้ง หรือผู้ที่จะนำอาหารสดมาช่วยเหลือสามารถนำมอบให้กับโรงครัวได้ และตามจุดบริการของกระทรวงจะมีการเพิ่มในเรื่องของยาดม ยาลม ยาหม่องด้วย
นายสุวพันธุ์ ยืนยันจะเตรียมความพร้อมทั้งการคมนาคม การแพทย์ การสาธารณสุข การป้องกันคนหาย โดยกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ มีบริการแจกริสแบนด์ให้แก่เด็ก เพื่อระบุข้อมูลติดต่อผู้ปกครอง