ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลไม่เคยมีคำสั่งให้ถอดพระบรมฉายาลักษณ์ออกจากสถานที่ใด มีแต่ขอรักษาทุกอย่างไว้อย่างเดิม แต่การใช้ถ้อยคำบางอย่างใต้พระบรมฉายาลักษณ์ที่เคยใช้มาแต่เดิมอาจไม่เหมาะสม เช่นคำว่า ทรงพระเจริญ หรือทีฆายุโก โหตุ มหาราชา ก็อาจเปลี่ยนเฉพาะถ้อยคำหรือข้อความ และหากจะเปลี่ยนพระบรมฉายาลักษณ์หรือติดผ้าดำขาวแสดงความไว้อาลัย ให้ทำต่อเนื่องกับการนำพระบรมฉายาลักษณ์เดิมออก และการติดตั้งพระบรมฉายาลักษณ์ใหม่ อย่าให้มีช่องว่างเป็นอันขาด ให้ส่วนราชการทุกแห่งปฏิบัติตามนี้โดยเคร่งครัด
ส่วนการตัดงานรื่นเริงบันเทิงต่างๆ ในช่วงเวลา 30 วันแรกนับแต่วันที่ 14 ตุลาคม ให้พิจารณาตามความเหมาะสม โดยงดเฉพาะส่วนที่เป็นมหรสพ หรือความบันเทิง เช่น การแสดงดนตรี การร้องรำทำเพลง แต่ยังสามารถจัดงานประชุม งานมงคลสมรส กฐิน งานลอยกระทง งานบำเพ็ญกุศลหรือศาสนกิจตามประเพณีได้ การเลี้ยงหรือชุมนุมสังสรรค์ที่ทำในอาคาร และเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มตามที่จัดเป็นปกติ หรือได้เตรียมไว้แล้วเช่น การต้อนรับนักท่องเที่ยว หรือผู้เข้าร่วมประชุม ก็ให้จัดได้ตามความเหมาะสม โดยถือเอาความเหมาะสมและความรู้สึกของประชาชนเป็นหลัก
ส่วนเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์นั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎมณเฑียรบาล และจารีตประเพณี ขออย่าได้มีความลังเลสงสัยใดๆ ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า เมื่อพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลผ่านพ้นช่วงเวลา 7 วัน 15 วันไปแล้วระยะหนึ่ง น่าจะได้เวลาอันสมควรที่จะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 23 ต่อไป นั่นคือการแจ้งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อมีมติตามรัฐธรรมนูญ ระหว่างนี้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จะได้ปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อนในส่วนที่จำเป็น ส่วนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่จะทรงลงพระปรมาภิไธยภายในกรอบเวลาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด โดยจะไม่กระทบต่อปฏิทินการทำงานเป็นอันขาด