ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณข้าราชการตำรวจ ทหาร พลเรือน และเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายที่ปฏิบัติหน้าที่ถวายพระเกียรติยศได้เรียบร้อย และช่วยอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย การเดินทาง สุขภาพอนามัย อาหารการกิน และที่พัก ในกรณีที่หน่วยงานใดประสบปัญหาเรื่องใด หรือมีเรื่องควรรายงานรัฐบาล หรือแจ้งข่าวใดๆ ให้ติดต่อศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) ซึ่งตั้งอยู่ในทำเนียบรัฐบาล โทรศัพท์ 1111
พลเอกประยุทธ์ ได้ขอความร่วมมือให้สื่อโทรทัศน์และวิทยุ ให้ใช้เวลา 30 วัน จนถึงวันที่ 13 พ.ย. เน้นการเสนอรายการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจในแง่มุมต่างๆ โดยอาจให้ประชาชนมีส่วนร่วม ด้วยการสัมภาษณ์ความรู้สึก และประสบการณ์ที่ประทับใจ การถ่ายทอดโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจให้ถ่ายทอดพร้อมกัน ให้ทำเฉพาะในช่วงเสด็จพระราชดำเนิน พ้นจากช่วงเวลาเหล่านี้แล้ว อาจพิจารณาเสนอรายการปกติได้ แต่ควรเน้นการให้ความรู้ การพัฒนามากกว่าการบันเทิง และเมื่อพ้นจาก 30 วันแล้ว ขอให้สถานีโทรทัศน์ค่อยๆ พิจารณาตามความเหมาะสมเป็นลำดับไป โดยคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนเป็นสำคัญ
นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกวดขันระมัดระวังการเผยแพร่ภาพหรือข้อความที่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ หรือยุยงให้เกิดความแตกแยก อันเป็นการสะเทือนจิตใจชาวไทยในยามนี้อย่างยิ่ง และขอความร่วมมือประชาชนอย่าได้แพร่ภาพหรือข้อความดังกล่าวต่อไปเป็นอันขาด เพราะนอกจากจะเป็นการเหยียบย่ำจิตใจคนไทยแล้ว ยังผิดกฎหมายอีกด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังขอให้เจ้าหน้าที่วางแผนด้านการจราจรให้เรียบร้อย โดยเฉพาะวันเสด็จพระราชดำเนิน และวันเวลา ภายหลังจากที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าถวายบังคมพระบรมศพได้ และยังให้กระทรวงวัฒนธรรม เตรียมการเกี่ยวกับการสร้างพระเมรุ โดยขอพระราชวินิจฉัยจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และให้ส่วนราชการอื่นๆ เตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ยังให้สำนักงานปลัดสำนักสายกรัฐมนตรีเตรียมการแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ให้เรียบร้อยด้วย ให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจงแก่ประชาชนเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำเอ่ยพระนาม การใช้ถ้อยคำภาษาที่เหมาะสม การแต่งกาย การปฏิบัติในเวลาเข้าถวายบังคมพระบรมศพ ตลอดจนวิธีแสดงความจำนงขอมีส่วนร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลถวาย