สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า การดำเนินยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา ในการปรับสมดุลเอเชีย หรือ นโยบาย Rebalance เผชิญความไม่แน่นอนมากขึ้น เนื่องจากประเทศในภูมิภาคต่างมีภารกิจภายในประเทศมากมาย โดยได้ยกตัวอย่างประเทศไทย ซึ่งอยู่ในช่วงถวายความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยที่ผ่านมา พระองค์ทรงมีบทบาทสำคัญในการประสานความเป็นมิตรอย่างยาวนานระหว่างไทยกับสหรัฐฯ นอกจากนี้ รายงานยังอ้างความเห็นของนายอีแวน เมอเดรอส อดีตที่ปรึกษาด้านเอเชียของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ว่า เนื่องจากไทยอยู่ในช่วงถวายความอาลัยอาจทำให้กระบวนการคืนสู่รัฐบาลประชาธิปไตยต้องล่าช้าออกไป อย่างไรก็ดี รายงานอ้างโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ระบุว่า สหรัฐฯ และไทยเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดมาเป็นเวลา 2 ศตวรรษ มิตรภาพและความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันทำให้ทั้งสองประเทศผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ มาได้ และคาดว่าความสัมพันธ์จะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป ทั้งยังระบุว่า เป็นการเร็วเกินไปที่จะคาดหวังให้ไทยคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยในอนาคตอันใกล้ ขณะที่ไทยยังอยู่ในช่วงแห่งความโศกเศร้า
ส่วนการพึ่งพาประเทศอื่นในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ก็เป็นไปได้ยากเช่นกัน เนื่องจากอินโดนีเซียและมาเลเซียกำลังให้ความสำคัญกับปัญหาการเมืองภายใน และหลีกเลี่ยงการแสดงบทบาทนำในอาเซียน ขณะที่ฟิลิปปินส์ยังมีความไม่แน่นอนว่า ผู้นำประเทศจะนำพาฟิลิปปินส์ไปในทิศทางใด สำหรับสิงคโปร์ แม้จะเป็นประเทศที่มีนักคิดในเชิงยุทธศาสตร์อยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็เป็นประเทศขนาดเล็ก และสหรัฐฯ ก็คงไม่สามารถพึ่งพาลาว กัมพูชา และเมียนมาร์เป็นกลไกขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในอาเซียน หรือแม้แต่ออสเตรเลียก็ยังดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจกับจีน อย่างไรก็ดี รอยเตอร์ รายงานว่า ประธานาธิบดีโอบามา จำเป็นต้องพึ่งพาเวียดนามมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เหลือไม่ถึง 1 เดือนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ เนื่องจากหนึ่งในเสาหลักของการดำเนินยุทธศาสตร์ คือ ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ TPP ไม่ได้รับการตอบรับจากทั้งนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน
..
F171