ปธน.โคลัมเบีย สั่งทบทวนข้อตกลงกับกลุ่มฟาร์กให้เหมาะสม หลังผลประชามติไม่ยอมรับ

หลังผลการลงประชามติพบว่า ชาวโคลัมเบียร้อยละ 50.21 ของผู้มาใช้สิทธิ์ลงคะแนน ไม่ยอมรับข้อตกลงสันติภาพฉบับประวัติศาสตร์ระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มกองกำลังปฏิวัติติดอาวุธโคลัมเบีย ( ฟาร์ก )  ที่มีการลงนามร่วมกันเมื่อปลายเดือนก.ย. ขณะที่เสียงสนับสนุนอยู่ที่ร้อยละ 49.78 คิดเป็นส่วนต่างเพียง 54,000 คะแนน แต่จำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ต่ำมาคืออยู่ที่เพียงร้อยละ 37 ประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซานโตส แถลงสั่งการโดยตรงให้นายฮุมแบร์โต เดอ ลา กัลเล หัวหน้าคณะผู้เจรจาสันติภาพของฝ่ายรัฐบาล เริ่มดำเนินการหารือครั้งใหม่โดยเร็วที่สุดเพื่อพิจารณาทบทวนข้อตกลงให้มี ความเหมาะสมมากขึ้น เพื่อสร้างสันติภาพอย่างถาวรกับกองกำลังฟาร์ก ถ้อยแถลงของผู้นำโคลัมเบีย มีขึ้นไม่นาน หลังนายเดอ ลา กัลเล ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาาด ทั้งหมด

ด้านนายโรดริโก ลอนโดโน ผู้บัญชาการใหญ่ของกลุ่มกบฏฟาร์ก กล่าวว่า กองกำลังพรรคคอมมิวนิสต์ยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ที่ลงนามร่วมกับฝ่ายรัฐบาล และพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการแก้ไข เนื้อหาที่เป็นต้นเหตุให้ประชาชนไม่พอใจ ซึ่งรวมถึงประเด็นที่รัฐบาลจะนิรโทษกรรมให้สมาชิกแทบทั้งหมดของฝ่ายกบฏ โดยฝ่ายคัดค้านมองว่าเป็นการแสดงออกที่ เมตตาเกินไป ทั้งที่การสู้รบยาวนาน 52 ปีหรือตั้งแต่ปี 2507  ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 2 แสน 60,000 คน และอีกหลายหมื่นคนยังคง สูญหาย

ขณะที่นายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) และทำเนียบขาวต่างออกมาแสดง ความผิดหวัง ต่อผลการลงประชามติของชาวโคลัมเบีย แต่ยืนยันพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่จนกว่าทั้งสองฝ่ายจะสร้างสันติภาพร่วมกันได้อย่างถาวร หลังผ่านการเจรจาร่วมกันตั้งแต่ปี 2554 โดยมีคิวบาเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์ด้วยว่าการที่ชาวโคลัมเบียยังไม่ยอมรับข้อตกลงสันติภาพฉบับนี้ อาจส่งผลให้รัฐบาลและกบฏฟาร์กหลุดจากการเป็นตัวเก็งรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาประจำปีนี้ร่วมกัน 

แฟ้มภาพ