+++สภาพอากาศ นายปราโมทย์ อ่อนน้อม ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาชัยนาท กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ในวันนี้ จะมีร่องมรสุมเคลื่อนตัวลงมา พาดผ่านภาคกลางทำให้ฝนตกชุกระหว่างวันที่ 4-8 ตุลาคม จะมีผลทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา มีระดับที่สูงขึ้นได้อีก ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมตลิ่งเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยาควรสังเกตการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ และติดตามประกาศจากทางราชการต่อไป
+++ด้านนายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำ เมื่อวานนี้ เขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,644 ลบ.ม./วินาที จากที่ในช่วงวันที่ 29 กันยายน -1 ตุลาคม มีการระบายน้ำสูงสุด 1,998 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลดลงอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 20-30 เซนติเมตร (ซม.)
+++กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบายน้ำออกสู่อ่าวไทยอย่างต่อเนื่องโดยใช้ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ช่วยระบายน้ำในช่วงน้ำทะเลลง รวมปริมาณน้ำที่ได้ระบายลงสู่ทะเลตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน -3 ตุลาคม จำนวน 187 ล้าน ลบ.ม. ยังคงต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักในช่วงต้นเดือนตุลาคมอย่างใกล้ชิด
+++ส่วนน้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำรวมกันเพียง 14,813 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ของความจุอ่าง มีน้ำใช้การได้ 8,117 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น ร้อยละ 45 ของปริมาณน้ำใช้การได้ทั้งหมด และยังสามารถรองรับน้ำได้เพิ่มอีก 10,058 ล้าน ลบ.ม.
+++ที่ประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร(กทม.) ประชุมติดตามสถานการณ์ ในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ จะมีน้ำทะเลหนุนสูง จึงต้องเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดกับขึ้นกับชุมชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ รวมถึงจุดที่เขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยายังสร้างไม่เสร็จ ระดับน้ำฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ สัปดาห์ที่แล้ว ระดับน้ำอยู่ในระดับวิกฤตหลายจุด เช่น มีนบุรี ลาดกระบัง ฯลฯ ทำให้มีน้ำล้นเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำ กทม.ได้เร่งระบายน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาผ่านพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน ปัจจุบันสามารถลดระดับน้ำในคลองสายต่างๆ ในกรุงเทพฯ ทั้งคลองลาดพร้าว คลองแสนแสบ คลองเปรมประชากร รวมถึงฝั่งธนบุรี แม้ว่าบางจุดยังสูงแต่ก็อยู่ในระดับเฝ้าระวังและอยู่ในเกณฑ์การควบคุม
+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวว่า ปริมาณน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยายังไม่เกิน 2,500 ลบ.ม.ต่อวินาที ส่วนพื้นที่ที่น้ำท่วมเกิดจากปริมาณน้ำฝน น้ำขัง และน้ำนอกเขตคันคลองชลประทาน อีกทั้งประเทศไทยเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ส่วนใน จ.พระนครศรีอยุธยา ก็น้ำท่วมทุกปี หากน้ำท่วมพื้นที่ใดรัฐบาลก็พร้อมช่วยเหลือจ่ายเงินเยียวยาตามกติกา
+++นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.ชัยนาท และ จ.พระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 5 ตุลาคม โดยนายกฯจะเดินทางไปยังบริเวณเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท และมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ก่อนรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำและปัญหาอุทกภัยจากผู้ว่าฯชัยนาท และอธิบดีกรมชลประทาน โดยมีผู้ว่าฯกลุ่มจังหวัดในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาร่วมรับฟัง จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังวัดโบสถ์ล่าง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อรับฟังบรรยายสรุป จากผู้ว่าฯพระนครศรีอยุธยา พร้อมมอบถุงยังชีพ ดูการบริหารจัดการน้ำที่ประตูระบายเจ้าเจ็ด
+++การจัดระเบียบทางเท้า หลังจากที่เมื่อวานนี้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯกทม. ร่วมกับ นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชุดปฏิบัติการยกเลิกผู้ค้าและปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ทางเท้าบริเวณประตูน้ำ สยามสแควร์ แยกราชประสงค์ และถนนสีลม ซึ่งกทม.ได้กำหนดการจัดระเบียบห้ามตั้งวางแผงค้าบนทางเท้าตลอด 24ชั่วโมง โดยมีกำหนดการยกเลิกแผงค้า ทั้งหมดตั้งแต่เมื่อวานนี้
+++วันนี้ กทม. จัดเจ้าหน้าที่กระจายกำลังเจ้าหน้าที่ประจำจุดสกัด เพื่อเฝ้าระวัง ดูแล ไม่ให้ผู้ค้าทำการค้าในจุดที่ กทม.ยกเลิกให้ทำการค้า เช่น เขตราชเทวี ถนนเพชรบุรีทั้ง 2 ฝั่งตั้งแต่หน้าพันธุ์ทิพ ถึงแยกประตูน้ำ ถนนราชปรารภ ตั้งแต่หน้าโรงแรมอินทรา ถึงแยกประตูน้ำ เขตปทุมวัน ถนนพระราม 1 (จากสนามนิมิบุตร-แยกอังรีดูนัง) ถนนราชดำริ จากหน้าเซ็นทรัลเวิลด์-แยกราชประสงค์ ถนนสีลม (แยกศาลาแดง-แยกนรารมย์ทั้ง 2 ฝั่ง) ถนนสุขุมวิท (ตั้งแต่สุขุมวิท ซ.3 - ซ.21)
+++พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ในวันนี้เป็นต้นไป ต้องไม่มีการตั้งวางแผงค้าบนทางเท้า อย่างเด็ดขาดทั้ง 4 จุด เป็นจุดสำคัญทางเศรษฐกิจ และมีประชาชนเดินสัญจรในพื้นที่จำนวนมาก แผงค้าบนเท้า เป็นสิ่งที่สร้างปัญหาในการสัญจร มีการจัดหาพื้นที่รองรับให้ผู้ค้าในบริเวณซอยหัสดิน เป็นซอยที่อยู่ระหว่างซอยราชปรารภ2และ4 ถือเป็นพื้นที่เอกชน แต่กทม.ได้ประสานขอใช้พื้นที่ฟรี โดยให้ผู้ค้าตั้งวางแผงค้าได้โดยไม่มีการเก็บค่าเช่าใดๆทั้งสิ้น ส่วนที่รองรับอีกแห่ง คือ พื้นที่ใต้ทางด่วนพงษ์ พระราม สำหรับบริเวณย่านประตูน้ำ มีผู้ค้าทั้งสิ้น 610ราย บริเวณแยกราชประสงค์ หน้าห้างเซ็นทรัลเวิล์ด และหน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ มีผู้ค้ารวม 638ราย สยามสแควร์ มีผู้ค้าทั้งสิ้น 600ราย และถนนสีลม มีผู้ค้าทั้งสิ้น 611ราย รวมผู้ค้าทั้ง 4 จุดใหญ่ที่ต้องเลิกทำการค้าบนทางเท้าทั้งหมดกว่า 2,459 ราย
+++นอกจากนี้ วันนี้ นายวัลลภ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นตรวจเยี่ยมการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในจุดยกเลิกทำการค้าบนทางเท้าพื้นที่หลายจุด เช่น เขตพญาไท ที่ กองอำนวยการร่วม ใต้ทางด่วนอนุสาวรีย์ชัยฯ ,ที่หน้าห้างPalladium แยกประตูน้ำ, หน้าห้างCTW ราชประสงค์,หน้าโรงแรมดุสิตธานี สีลม , ใต้สถานีBTS สยาม
+++ปัญหาการบิน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงผลการประชุมสมัชชาขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) ที่เมือง มอลทริออล ประเทศแคนาดา และได้หารือระดับทวิภาคีกับหน่วยงานและประเทศที่มีนัยยะสำคัญต่ออุตสาหกรรมการบินของไทยด้วย โดยไอเคโอแสดงความยินดีกับการแก้ไขปัญหาด้านการบินที่ไทยได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบเพื่อออกใบอนุญาตใหม่ (เอโอซี) ให้กับสายการบินที่ให้บริการระหว่างประเทศรวม 25 สายการบินแล้ว และไอเคโอพร้อมจะให้ความช่วยเหลือเพื่อให้ไทยหลุดพ้นจากข้อบกพร่องที่นัยสำคัญด้านการบิน (เอสเอสซี)
+++การหารือกับสำนักงานบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (เอฟเอเอ) เพื่อปรับระดับจาก Category 2 ที่ไม่ให้เที่ยวบินจากไทยบินเข้าไปยังสหรัฐฯ เป็น Category 1 ที่สามารถบินเข้าออกได้ตามปกติ เอฟเอเอ ยืนยันว่า ยังไม่มีการกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนว่า จะสามารถปลดล็อกได้เมื่อไร ขึ้นอยู่กับความพร้อมของการแก้ไขปัญหา ซึ่งทางคณะทำงานของไทยจะเดินทางไปหารือกันกับทางเอฟเอเออีกครั้ง
+++ขณะที่ องค์การกำกับดูแลด้านความปลอดภัยทางการบินแห่งสหภาพยุโรป (เอียซ่า) กระทรวงคมนาคมแห่งสหภาพยุโรป (ดีจี มูฟ) ต้องการให้ไทยเพิ่มขั้นตอนการตรวจเฝ้าระวัง โดยต้องดำเนินการอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มีความปลอดภัย ขณะเดียวกันยังขอให้พิจารณาถอนการให้บริการของสายการบินที่ล่าช้า หรือยกเลิกเที่ยวบินเป็นประจำออกไปด้วย นายอาคม กล่าวว่า ตอนนี้มีบางสายการบิน มีปัญหาเที่ยวบินดีเลย์บ่อยมาก บางครั้งก็ยกเลิกเที่ยวบิน แม้ให้ความคุ้มครองผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบด้วยการจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายกำหนด แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้น จึงได้กำชับให้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ไปคุยกับสายการบิน หากสายการบินไหนปัญหามาก ไม่พร้อมบินก็ให้ถอนใบอนุญาตการบินได้เลย
+++การวิพากษ์วิจารณ์การเช่าเหมาลำเครื่องบินของสายการบินไทยไปมลรัฐฮาวาย สหรัฐฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่หน่วยธุรกิจบริการการบิน (ดี1) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เป็นราคากลางที่การบินไทยกำหนดขึ้นมา เทียบเคียงจากการให้บริการของสายการบินอื่นประกอบด้วย เนื่องจากเป็นเส้นทางที่การบินไทยไม่เคยให้บริการมาก่อน ราคาที่จ่ายจริงยังต้องพิจารณาจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่สนามบินปลายทาง เมื่อคำนวณออกมาแล้วอาจจะถูกกว่าราคากลางก็ได้
+++พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า การไปฮาวายครั้งนี้ไม่มีสายการบินของไทยที่จะไป จำเป็นต้องไปต่อเครื่องหลายต่อทำให้เสียเวลา ไปเพียงแค่ 3 วัน เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น จึงเสนอไปยังสายการบินไทยว่าจะเดินทางอย่างไรได้บ้าง ทางการบินไทยได้ส่งรายละเอียดการเดินทางพร้อมเสนอราคาโดยไม่ได้เก็บราคาเต็ม ราคาในรายละเอียดเป็นราคาสูงสุดที่ทางการบินไทยบอกมา เหมือนกับเป็นการช่วยการบินไทย คล้ายๆ กระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวาแบบราชการช่วยราชการ ดีกว่าไปช่วยคนอื่น และการเดินทางก็มีการหารือหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ กลุ่มไอเอส และเรื่องความมั่นคงทางทะเลส่วนของทะเลจีนใต้
+++คดีอาชญากรรม จากกรณีตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) บุกค้นรังแก๊งปลอมพาสปอร์ตชาวต่างชาติ และพบศพชายต่างชาติถูกหั่นแช่แข็ง เจ้หาน้าที่พบรอยนิ้วมือแฝงบนถุงดำบรรจุศีรษะศพนายชาร์ล เอ็ดวาร์ด ดิตเลฟสัน สัญชาติอเมริกัน เชื้อสายฮังการี ซีอีโอบริษัทรับเหมาก่อสร้างรางรถไฟในนครลอสแองเจลิส ชุดคลี่คลายคดีพบรอยนิ้วมือแฝงของนายอารอน เอโด้ หรือนายอารอน โธมัส แกเบล อายุ 40 ปี ชาวอเมริกัน ทำให้พนักงานสอบสวนต้องเข้าไปสอบปากคำผู้ต้องหารายนี้และนายเจมส์ ดักกลาส แอคเกอร์ อายุ 66 ปี เพิ่มเติมในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานคร ขณะที่ นายวิลเลียม ปีเตอร์ จอห์นสัน หรือนายชาลี เอ็ดเวิร์ด ไดเติ้ล หรือนายเฮอร์เบิร์ด เครก ลาฟอง อายุ 63 ปี ให้การอ้างว่านายโรเบิร์ต โลแกน แกรนดี อายุ 65 ปี เพื่อนสนิทที่ป่วยเป็นมะเร็งเสียชีวิตเป็นผู้สั่งการให้ลงมือสังหารชำแหละศพ
+++พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เปิดเผยว่า สำหรับนายวิลเลียม ตำรวจสากลยังไม่สามารถยืนยันตัวตนแท้จริงได้และระหว่างจับกุมตำรวจพบพาสปอร์ต 10 เล่มเป็นภาพใบหน้าของนายวิลเลียม 7 เล่ม แต่ชื่อไม่ตรงและมีอีก 2 เล่ม เป็นชื่อนายวิลเลียม แต่ภาพใบหน้าคนละบุคคลกันทำให้ยากต่อการตรวจสอบฐานข้อมูล นอกจากนี้พาสปอร์ตบางเล่มยังถูกสลับรูปหน้าและชื่อของคนในกลุ่มด้วย รวมทั้งต้องตรวจสอบที่มาของนายชาร์ลว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มดังกล่าวอย่างไร เข้ามาในประเทศไทยเพื่ออะไรและทำอะไรในต่างประเทศกันแน่
แฟ้มภาพ