หลังการมอบนโยบายแนวทางการปฏิบัติงานให้กับเจ้าหน้าที่ของกรมประชาสัมพันธ์ พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เปิดเผยว่า วันนี้ไม่ได้มอบนโยบายอะไรมากนัก เนื่องจากการทำงานในหน้าที่นี้ถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับตัวเอง โดยการประชุมวันนี้เป็นการรับฟังบรรยายสรุปของแต่ละส่วนงานว่าในปีที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปบ้าง และปีหน้าจะทำอะไร มีส่วนไหนที่ติดขัด หรือต้องการให้ตัวเองสนับสนุนบ้าง ยืนยันว่าการเข้ามารับตำแหน่งนี้ไม่ได้มาเป็นกระบอกเสียงแสดงผลงานของรัฐบาล แต่ต้องการให้กรมประชาสัมพันธ์เป็นองค์กรของรัฐที่เผยแพร่ขอมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เป็นสถานีเพื่อประชาชน ไม่ต้องอวยการทำงานของรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้สั่งการว่าไม่ต้องการให้กรมประชาสัมพันธ์หรือหน่วยงานของรัฐทำงานด้วยความเกรงใจรัฐบาล ส่วนจะรู้สึกกดดันกับการทำงานตำแหน่งใหม่หรือไม่นั้น พลโทสรรเสริญ เปิดเผยว่า ไม่กดดัน และมองว่าจะไปอยู่ในหน่วยงานใดก็ต้องมีปัญหาทั้งสิ้น โดยปัญหามีไว้แก้ ต้องอดทน สู้งาน อาศัยการทำงานของบุคลากรภายในหน่วยงาน เชื่อว่าจะสามารถเดินต่อไปได้ และพร้อมจะเปิดรับความคิดเห็นของประชาชนทุกเรื่อง
สำหรับปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขเร่งด่วน คือ เรื่องการเปลี่ยนระบบโครงข่ายจากระบบอะนาล็อคเป็นระบบดิจิตอล ซึ่งมีปัญหาเรื้อรังมานาน เนื่องจากถูกร้องเรียนจากบริษัทที่เข้ามาประกวดราคา ซึ่งหากมีการดำเนินการต่อถ้าดำเนินการต่อไปก็ต้องถูกฟ้อง ถ้าหยุดดำเนินการก็ต้องถูกฟ้อง ซึ่งต้องเข้าไปปรึกษาหาทางการแก้ไขปัญหาจากผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบ หลักเกณฑ์ของกฎหมายทั้งหมด
ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายหรือการสรรหาบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ระดับรองอธิบดีลงไป พล.ท. สรรเสริญ ยืนยันว่าจะยึดแนวทางของผู้บังคับบัญชา ที่จะดูในเรื่องของความอาวุโสและขีดความสามารถควบคู่กันไป ทั้งนี้หากไม่นำเอาความอาวุโสเข้ามาพิจารณา ข้าราชการที่ทำงานมานานอาจจะท้อใจ ขณะเดียวกันต้องพิจารณาเรื่องความสามารถควบคู่ไปด้วย เพราะหน่วยงานที่คำนึงแต่เรื่องอาวุโส แต่ไม่คำนึงถึงความสามารถก็จะไม่เกิดการตื่นตัว ความขยันหมั่นเพียร หรือความคิดสร้างสรรค์ เพราะจะคิดว่าอยู่ไปนานๆ แล้วจะได้เอง โดยตนเองจะพิจารณาสองส่วนนี้ร่วมกับผู้ที่มีอำนาจในการตัดสิน ขออย่าวิ่งเต้น
สำหรับกรมประชาสัมพันธ์ในยุคนี้จะแตกต่างจากยุคเดิมอย่างไรนั้น พล.ท.สรรเสริญ ระบุว่า ตัวเองไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ว่ายุคเดิมเป็นอย่างไร แต่ในยุคนี้ก็ทำแบบนี้ ส่วนเรื่องวิ่งเต้นต่างๆ ทั้งในเรื่องขอเวลารายการและเรื่องอื่นๆ ยืนยันว่า ในยุคของตัวเองจะไม่มีแบบนั้น และไม่ต้องมาวิ่งกับตัวเอง โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับเอาไว้ว่า การจะทำให้หน่วยงานน่าเชื่อถือ ตัวเองจะต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใสก่อน ค่อยไปกำกับคนอื่น