ภายหลังจากการไต่สวนคำร้องกรณีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาเพิกถอนการประกันตัว ของแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำเลยในคดีก่อการร้ายร่วมกับพวกอีก 24 คน จากกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานนปช. พร้อมกลุ่มแกนนำ ให้สัมภาษณ์ผ่านช่องพีชทีวี และจัดรายการมองไกลในลักษณะก่อให้เกิดความวุ่นวาย
ทั้งนี้ นายจตุพร เปิดเผยว่า ศาลได้งดการไต่สวนเพราะทั้งจำเลยและโจทก์ไม่มีข้อติดใจ และขอให้ศาลใช้ดุลยพินิจในการวินิจฉัย ศาลจึงนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ เวลา 09.00น. โดยนายจตุพร เชื่อมั่นในกระบวนการของศาลว่าจะให้ความเป็นธรรม เพราะแกนนำทั้ง 5 คนไม่ได้เข้าข่ายยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และตั้งแต่ปี 2558 ก็ไม่มีความวุ่นวายที่เกิดจากคำกล่าวของแกนนำ นปช.ทั้ง 5 คนด้วย
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า วันนี้ได้สอบถามอัยการฝ่ายพิเศษ ของดีเอสไอ ว่า ทำไมไม่สั่งฟ้องจำเลยของ กปปส. จำนวน 54 คน จากจำนวน 58 คน ซึ่งคดีมีระยะเวลากว่า 2 ปีแล้ว และเมื่อเรื่องไม่มาถึงศาล จำเลยจึงไม่มีเงื่อนไขปล่อยตัวชั่วคราว และยังไปใช้สิทธิยื่นถอนประกันคนอื่นรวมถึงในสำนวน กปปส.ก็ได้รับการปกป้อง แต่พวกแกนนำ นปช.ไม่ได้รับการปกป้อง
ด้านนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวว่า ระหว่างที่ รอคำวินิจฉัยของศาล ยังยืนยันว่า การแสดงความคิดเห็น การให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน และการออกรายการโทรทัศน์ จะดำเนินการเหมือนเดิม และทุกสิ่งที่ทำไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขการประกัน และมั่นใจว่าในรัฐบาลแบบนี้ แล้วถ้าประชาชนไม่สามารถพูดจาสิ่งที่แตกต่างได้นั่นคือความเสียหาย และพวกตนจะทำหน้าที่นี้ต่อไป และไม่ยอมรับรัฐประหาร และพวกตนไม่เขื่อว่าวิถีแห่งเผด็จการจะสร้างประชาธิปไตยได้ และจะยังคงทำหน้าที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ส่วนคำวินิจฉัยออกมาอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ต้องเคารพกระบวนการยุติธรรม
..
ผสข.ปิยะธิดา เพชรดี