การมอบนโยบายเกี่ยวกับการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ ในการสัมมนาเสริมสร้างความรู้และธรรมาภิบาลของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เปิดเผยว่า ทำงานมา2ปีแม้จะมีบางอย่างที่คิดไม่ตรงกัน แต่ก็ยังสามารถทำงานจนบรรลุผลสำเร็จมาได้ วันนี้ต้องกลับมามองว่าประเทศไทยจะยืนอยู่ตรงไหนของเวทีโลก
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ขอให้เชื่อมั่นว่าตัวเองไม่ได้ทำประโยชน์เพื่อพวกพ้อง แต่ทำเพื่อประเทศไทย ซึ่งการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจถือเป็นวาระที่สำคัญที่สุด ทุกคนจะต้องเสียสละ อดทน นึกถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง เพราะหน้าที่หลักของรัฐวิสาหกิจต้องช่วยเหลือประชาชน รวมถึงหน่วยงานต่างๆต้องร่วมกันสร้างสังคมที่มีคุณธรรม มีจริยธรรม รัฐบาลขอเวลาอีก1ปีดำเนินงานตามโรดแมป ซึ่งหลังจากนี้จะต้องคิดว่าทำอย่างไรให้คนที่อยู่ตรงกลางระหว่าง2ฝ่ายที่มีความขัดแย้งกันมีความไว้เนื้อเชื่อใจ ทำให้สังคมเชื่อมั่นว่าไม่มีการทุจริต
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตลอดเวลาที่เป็นทหารเกือบ 40 ปี ไม่เคยคิดจะฆ่าหรือทำร้าย กฎหมายก็คือกฎหมาย ไม่เคยคิดจะกลั่นแกล้งใคร เพราะตัวเองมีหน้าที่เพียงนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเท่านั้น ซึ่งวันนี้ ต้องการให้รัฐวิสาหกิจมีประสิทธิภาพและทำได้ในสิ่งที่อยากให้รัฐวิสาหกิจทำทุกอย่าง เพราะบทบาทของรัฐวิสาหกิจจะต้องปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ประเทศในปัจจุบัน ต้องสร้างมูลค่าของทรัพย์สินให้กับประเทศและบริหารจัดการหนี้ที่มีอยู่และที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมถึงต้องสร้างค่านิยมคุณธรรม วัฒนธรรมในองค์กรเพื่อให้ทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วมในองค์กร และต้องมีการวัดผลที่เป็นรูปธรรมด้วย
พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้กลไกการตรวจสอบถ่วงอำนาจไม่ใช่การตรวจสอบเพื่อจับผิด หากพบว่ามีปัญหาก็ต้องเตือน ซึ่งตัวเองไม่ได้มีอำนาจชี้ถูกหรือผิด หากผิดองค์กรอิสระก็มีหน้าที่ตรวจสอบ จึงขอให้ทุกคนระมัดระวังและไว้วางใจ ซึ่งวันนี้หนักใจเพราะต้องดูแลข้าราชการด้วย เพียงแต่บางคนที่ไม่ได้ตั้งใจก็ต้องเข้าไปอยู่ในกระบวนการตรวจสอบไปด้วย จึงต้องเข้าใจลูกน้องหรือน้องๆในวันหน้า ทั้งนี้ สิ่งที่พูดอยู่ทุกวัน ยืนยันว่าไม่ได้พูดมั่ว เพราะหากพูดมั่ววันหน้าก็จะคืนสนองตัวเองอีก
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยังฝากความระลึกและความห่วงใยไปถึงผู้บริหารและพนักงานรัฐวิสหากิจทุกคน ขอให้ทุกคนร่วมมือกันสร้างความเข้มแข็ง ทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติ อยู่อย่างมีเกียรติยศและศักดิ์ศรีดีกว่าอยู่แบบมีเงินมากๆ
ผู้สื่อข่าว:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ