หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงนามคำสั่งทางปกครองเพื่อเรียกค่าเสียหายกรณีโครงการจำนำข้าว ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาทนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าขณะนี้กำลังดูอยู่ หากคล้ายกับกรณีของกระทรวงพาณิชย์อาจมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามแทน ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีข้อบังคับอยู่แล้ว ส่วนการดำเนินการเป็นไปตามกรอบระยะเวลาภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 จึงขอให้เข้าใจกระบวนการทำงานต่างๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากต้องตรวจสอบทุกคลังและบัญชี
ส่วนในคดีที่เหลือได้มอบหมายให้ ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ พิจารณาว่าใครเกี่ยวข้องและต้องรับผิดชอบในการชดใช้ค่าเสียหายที่เหลืออีกร้อยละ 80 ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยเป็นข้าราชการ และอดีตนักการเมือง
ส่วนกรณีที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ยกเลิกม.44 ในการดำเนินคดี นายกรัฐมนตรีย้ำว่า กฎหมายดังกล่าวไม่ใช่เพื่อมาชี้ถูกผิด แต่เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานโดยไม่หวาดกลัว ส่วนการที่นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่เข้าใจนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่าอาจเพราะนางสาวยิ่งลักษณ์อาจฟังรอบข้างมากเกินไปโดยเฉพาะทนายความ
ส่วนกรณีที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ออกมาระบุว่า จะนำนายกรัฐมนตรีขึ้นศาลเพื่อร่วมชี้แจงการมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในคำสั่งทางปกครองเพื่อเรียกค่าเสียหายกรณีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ว่า ส่วนตัวไม่กลัว เพราะได้ทำหน้าที่ของตนเองและเป็นเรื่องของกฎหมาย หากกลัวก็คงไม่เข้ามายืนในจุดนี้ ซึ่งต้องทำตามหน้าที่หากไม่ทำก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมา
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการตั้งผู้แทนรัฐบาลส่วนหน้าเพื่อแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งใครทั้งสิ้น เพราะยังไม่ถึงเวลาและรัฐบาลกำลังทำงานโดยจะใช้รัฐมนตรีเดิมเพื่อทำหน้าที่ ขณะเดียวกันยังต้องมีการปรับวิธีการทำงานเพื่อไม่ให้ทับซ้อนกัน โดยใช้การบูรณาการร่วมกันระหว่างทหารและศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.)
ส่วนการยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) สอบสวนภรรยาและบุตรของ พลเอกปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม เรื่องการตั้งชื่อแม่ฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนาและการรับงานประมูลโครงการภายในแม่ทัพภาคที่ 3 ว่า เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม และการตรวจสอบของ ปปช. นายกรัฐมนตรีระบุว่า ส่วนตัวไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวด้วย ถึงจะเป็นน้องชายแต่ก็เป็นคนละคนกัน ส่วนเรื่องของบริษัทบุตรชายพล.อ.ปรีชา พร้อมขอให้ไปสอบสวนมา ยอมรับว่าจากกรณีดังกล่าวพล.อ.ปรีชา ได้มาขอโทษ แต่ก็ไม่ได้เป็นการยอมรับว่าทำความผิด แต่ยอมรับว่าบางอย่างอาจไม่สมควร แต่ยืนยันว่าได้เตรียมหลักฐานอย่างเต็มที่ นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่าเรื่องดังกล่าวไม่ทำให้ตนเองเสียเครดิตด้วยเช่นกัน