หลังจากที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน เห็นพ้องยกระดับความร่วมมือตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เพิ่มมาตรการลงโทษต่อรัฐบาลเกาหลีเหนือหลังการทดลองระเบิดนิวเคลียร์เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ซึ่งเป็นการทดลองครั้งใหญ่ที่สุด ล่าสุด กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อบริษัทพัฒนาอุตสาหกรรมตานตางหงเสียง (ดีเอชไอดี) ของจีน รวมถึงนางหม่า เสี่ยวหง ผู้ก่อตั้งวัย 44 ปี และเจ้าหน้าที่ระดับบริหารอีก 3 คน ได้แก่ นายโจว เจี้ยนชู นายหง จินหัว และนายหลัว ชวนสวี่ ซึ่งห้ามไม่ให้บุคคลหรือนิติบุคคลอเมริกันทำธุรกิจร่วมกับกลุ่มบุคคลและบริษัทดังกล่าวที่ถูกขึ้นบัญชี ดีเอชไอดีและผู้บริหารทั้ง 4 ราย ถูกกล่าวหาว่าดำเนินการเป็นบริษัทฉากหน้าให้แก่ธนาคารโคเรีย กวางซอนแบงกิงคอร์ป (เคเคบีซี) ของเกาหลีเหนือซึ่งถูกขึ้นบัญชีคว่ำบาตรโดยสหรัฐและสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ฐานให้การสนับสนุนการแผ่ขยายอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง ขณะเดียวกัน กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ตั้งข้อหาทางอาญาต่อดีเอชไอดีและผู้บริหาร ฐานใช้บริษัทฉากหน้าในการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้องกับกรณีโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐระบุว่า ผู้ถูกกล่าวหาสมรู้ร่วมคิดกันละเมิดมาตรการคว่ำบาตร และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินระหว่างประเทศ ซึ่งพบว่าบัญชีธนาคารจำนวนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าวและบริษัทฉากหน้าอื่นๆ มีการทำธุรกรรมผ่านสหรัฐเป็นจำนวนเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้มีการริบทรัพย์สินในบัญชีธนาคาร 25 บัญชีที่เกี่ยวข้องกับดีเอชไอดีและบริษัทฉากหน้าที่อยู่ในหลายธนาคารในจีน
แฟ้มภาพ REUTERS,BBC