นายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐ โน้มน้าวให้ผู้นำชาวเคิร์ดในพื้นที่ทางเหนือของอิรัก ให้การสนับสนุนรัฐบาลอิรักที่กรุงแบกแดด ต่อสู้กับกลุ่มกองกำลังสุหนี่ที่ยึดครองหลายพื้นที่และรุกคืบเข้าสู่เมืองหลวง โดยเมื่อวานนี้กลุ่มกองกำลังยังยึดแหล่งขุดเจาะน้ำมันแหล่งใหญ่ที่สุดของประเทศ ทั้งเข้าโจมตีฐานทัพอากาศที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงไม่ถึง 100 กิโลเมตร
สหประชาชาติรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 1,000 ศพจากการสู้รบที่เกิดขึ้นไม่ถึง 3 สัปดาห์ ทั้งที่กลุ่มกองกำลังมีนักรบจำนวนไม่มากนัก แต่ก่อเหตุอาชญากรรมร้ายแรง ทั้งการสังหารหมู่ทหารที่ปราศจากอาวุธ และการสังหารนักโทษในเรือนจำ เพื่อข่มขู่ทางการ
การเดินทางของนายแคร์รี่ ไปยังเขตปกครองตนเองชาวเคิร์ด เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเดินทางเยือนตะวันออกกลาง เพื่อหาทางสนับสนุนทางการอิรักต่อสู้กับกลุ่มนักรบสุหนี่ เนื่องจากที่ผ่านมา สหรัฐมีความเห็นว่าผู้ปกครองชาวเคิร์ดมีความเห็นทางการเมืองแตกต่างจากรัฐบาลกลางที่กรุงแบกแดด แต่หากในสถานการณ์ปัจจุบันเคิร์ดยังเพิกเฉยก็จะยิ่งส่งผลเสียร้ายแรง ทั้งประธานาธิบดีมาห์ซุด บาร์ซานี ผู้นำเคิร์ด ยังมีความเห็นว่า อิรักยุคใหม่กำลังเผชิญกับภัยคุกคามอีกครั้ง เพราะประธานาธิบดีนูริ อัลมาลิกิ ผู้นำอิรักดำเนินนโยบายการเมืองผิดพลาดจนทำให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น จึงต้องการให้ลาออก เพราะจากสถานการณ์สู้รบในปัจจุบัน ทำให้มีความเป็นไปได้ที่เคิร์ดจะแยกเป็นอิสระ การเดินทางของนายแคร์รี่จึงเป็นการทำความตกลงความร่วมมือที่ชัดเจนกับเขตปกครองตนเองชาวเคิร์ดเพื่อต่อสู้กับกลุ่มนักรบสุหนี่ โดยย้ำว่าอิรักจะต้องมีความสามัคคีเพื่อรักษาผลประโยชน์ร่วมกันของชาวอิรักทั้งหมด ด้วยการต่อสู้กับกลุ่มกองกำลัง
....F163...